เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม เว็บไซต์คนชายข่าว คนชายขอบ http://transbordernews.in.th/ รายงานว่า พล.อ.สุรินทร์ พิกุลทอง ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกินและพื้นที่ทางจิตวิญญาณของชุมชนชาวเลให้สัมภาษณ์ภายหลังการลงพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ว่า หลังจากที่ชาวเลในพื้นที่มีการร้องเรียนปัญหาต่าง ๆ ทั้งการตัดต้นไม้ สร้างกำแพง และตัดถนน ผ่านชุมชนชาวเล จนทำให้เกิดความเดือดร้อนนั้น ตนได้ลงพื้นที่ไปสำรวจปัญหาอีกครั้งโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ และตัวแทนอำเภอเข้าร่วมลงพื้นที่ด้วย
พล.อ.สุรินทร์กล่าวว่า ขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลยังอยู่ในขั้นจัดทำแผนที่ทำมือและสำรวจพื้นที่การก่อตั้งชุมชนชาวเล ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายเดือนตุลาคม แต่ปัญหาใหญ่ที่เจอคือ หลังการประชุมแก้ไขปัญหาเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เจ้าของที่ดินฝ่ายเอกชนหลายรายเข้าใจผิดว่า การทำแผนที่ทำมือจะเป็นกลไกการออกเอกสารที่ดินโดยมิชอบให้กับชาวเลและเป็นต้นเหตุให้เอกชนที่ครอบครองที่ดินต้องสูญเสียสิทธิ โดยเฉพาะเอกชน 3-4 ราย ที่เกิดข้อพิพาทกับชาวเล แต่วันนี้ได้ชี้แจงแล้ว ว่า การทำแผนที่เป็นพียงส่วนหนึ่งกระบวนการตรวจสอบเท่านั้น ซึ่งทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง รวมทั้งชาวบ้านได้ทำความเข้าใจกันแล้ว
“เรื่องกำแพงและการตัดไม้ของชุมชน อย่างต้นมะพร้าว การสร้างรั้วเหล็ก ประตู กำแพงผ่านหน้าบ้านใคร หากผลพิสูจน์แล้วมีการครอบครองไม่ชอบธรรมก็จะต้องรื้อถอนในสักวัน แต่ที่ห่วง คือ ความขัดแย้งระหว่างชุมชน ทหาร และเอกชน เราพยายามเปิดโอกาสให้พวกเขาคุยกันและร่วมหาทางออก ไม่ทะเลาะ โดยขอความร่วมมือว่า ระหว่างนี้อย่าเพิ่งนำเครื่องจักรไปก่อสร้างใดๆ ในพื้นที่ เพราะที่ดินอยู่ระหว่างตรวจสอบ อยากให้ทุกฝ่ายใจเย็นๆ และรอจังหวะการประชุมร่วมกันอีกครั้ง เพราะเกาะหลีเป๊ะมีความซับซ้อน ไม่อยากให้เกิดการฟ้องร้องคดีความกันในชั้นศาลเหมือนที่อื่น เชื่อว่าเอกชนรับได้ในส่วนนี้” พล.อ.สุรินทร์กล่าว
ประธานคณะกรรมการชาวเลกล่าวด้วยว่า ที่กำชับเพิ่มเติม คือ กรณีเจ้าหน้าที่อุทยานที่พยายามจับกุมชาวบ้านบุกรุกเขตนั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อยากให้เจรจาร่วมกันก่อนการฟ้องร้อง และขอความร่วมมือกับชาวบ้านให้หยุดบุกรุก ถางป่าในเกาะอาดัง และเกาะใกล้ๆก่อน หาของป่าได้ ตัดหวายได้ แต่อย่าพยายามบุกรุก เพราะเชื่อว่าที่ดินบนเกาะมีเอกสารรูปลอยจำนวนมาก หากพิสูจน์สิทธิออกมาสมบูรณ์ ที่เดินเกาะหลีเป๊ะมีพื้นที่มากพอจะอาศัยอยู่ร่วมกันทั้งฝ่ายชุมชน เอกชน และนักท่องท่องเที่ยว ทั้งนี้ปัญหาขยะสร้างมลพิษให้ชุมชน ขณะนี้เริ่มคลี่คลายแล้ว เพราะปัญหาขยะเป็นปัญหาโดยรวมไม่ใช่ของใครฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นต้องเร่งรัดทำแผนที่ให้แล้วเสร็จ เพื่อสรุปข้อมูลต่อไป เชื่อว่าจะแก้ปัญหาได้แต่ต้องใช้เวลานาน เพราะความซับซ้อนของพื้นที่ ซึ่งตนได้รายงานให้ผู้ว่ารับทราบทุกปัญหาแล้ว
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ