เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ออกแถลงการณ์ คัดค้านการขยายถนน 304 ทำลายมรดกโลก ระบุว่า ตามที่ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ รองคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. หัวหน้าฝ่ายสังคมและจิตวิทยา ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สผ.) ครั้งที่ 1/2557 ได้ออกมาเปิดเผยว่า ที่ประชุมได้ผ่านการพิจารณาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA โครงการทางเชื่อมผืนป่ามรดกโลกบนทางหลวงหมายเลข 304 สาย อ.กบินทร์บุรี - ปักธงชัย จ.นครราชสีมา และโครงการก่อสร้างทาง 4 ช่องจราจร ทางหลวงหมายเลข 304 ตอนอ.กบินทร์บุรี - ปักธงชัย (ช่วง กม. 26-29 และกม.42-กม.57) มูลค่า 2,997.5 ล้านบาท โดยอ้างว่าเมื่อผ่านพื้นที่ป่าดงพญาเย็น และอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จะก่อสร้างเป็นทางยกระดับ หรืออุโมงค์เป็นช่วงๆ เพื่อลดผลกระทบต่อสัตว์ป่าที่จะได้ไม่ต้องเดินผ่านถนนสายดังกล่าว
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ขอคัดค้านมติดังกล่าว ว่าเป็นการพิจารณาที่ไม่รอบคอบมุ่งประโยชน์แต่ทางเศรษฐกิจ เอื้อประโยชน์แต่กลุ่มทุน จนละเลยประเด็นสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ ซึ่งผู้คนทั่วโลกเขาต่างถวิลหาและปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ จนยกย่องให้เป็น “มรดกโลกทางธรรมชาติ” ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ควรทำหน้าที่ในการปกป้องและรักษาทรัพยากรเหล่านี้แทนคนไทยทั้งชาติ ไม่ใช่เข้ามาทำหน้าที่ส่งเสริมการลงทุน หรือเป็นตัวแทนกลุ่มทุน และกรุณา “อย่าคิดแทนสัตว์” เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่มีการตัดถนนสาย 304 ขนาดช่องการจราจรเดิมก็ได้ทำลายชีวิตสัตว์ป่าไปแล้วมากมายมหาศาลในแต่ละปี ซึ่งทางที่เหมาะสมควรที่จะต้องปิดหรือยกเลิกเพิกถอนเส้นทางดังกล่าวเสียด้วยซ้ำไป
ขอบคุณภาพจาก The Nation
เป็นที่น่าสังเกตว่าคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเข้ามาเพียงไม่กี่วัน จะสามารถอ่านและทำความเข้าใจรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่มีเนื้อหาแต่ละโครงการนับ 1,000 หน้าได้อย่างไร และที่สำคัญไม่มีตัวแทนของภาคประชาชน ผู้มีส่วนได้เสีย หรือนักอนุรักษ์เข้าไปนั่งเป็นกรรมการหรือร่วมพิจารณาด้วยเลย มีแต่นักอนุรักษ์จอมปลอมเท่านั้น
สมาคมฯ จึงใคร่ขอเรียนร้องมายังคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และ คสช. ได้โปรดรักษาทรัพย์สมบัติทางธรรมชาติไว้ให้ลูกหลายไทยในอนาคต “เพื่อคืนความสุข” ให้กับคนไทยได้อย่างแท้จริง โดยการทบทวน หรือเพิกถอนโครงการทั้ง 2 โครงการดังกล่าวเสีย และหากข้อเรียกร้องนี้ไม่บังเกิดผล สมาคมฯจะร่วมมือกับภาคประชาชนทั่วประเทศที่มีใจอนุรักษ์และหวงแหนทรัพยากรเหล่านี้ โดยจะใช้มาตรการทางกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญในการฟ้องร้องหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อศาลปกครองแน่นอน
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
http://www.facebook.com/tcijthai
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ