คมชัดลึกออนไลน์รายงานว่า เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 28 พฤษภาคม ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กลุ่มต่อต้านรัฐประหารรวมตัวกันเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยุติการยึดอำนาจบริหารประเทศ และขอให้ประเทศเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งทันที โดยกลุ่มดังกล่าวได้จัดกิจกรรมชูป้าย ไม่ต้องการรัฐประหาร ก่อนจะเดินวนรอบอนุสาวรีย์ชัยฯ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน ประมาณ 1 กองร้อย ได้วางกำลังบริเวณโดยรอบพื้นที่ชุมนุม โดยขอความร่วมมือให้มวลชนทำกิจกรรมอยู่บนทางเท้าบริเวณวงแหวนรอบในอนุสาวรีย์เท่านั้น เพื่อให้ประชาชนที่ใช้ถนน สามารถสัญจรได้ตามปกติ ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งวางกำลังอยู่วงแหวนรอบนอก ได้ใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวเจรจา ขอให้มวลชนยุติการชุมนุม และเปิดเพลงสลับ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของผู้ชุมนุมเป็นระยะ

กระทั่งเวลาประมาณ 18.00 น. ขณะที่มวลชนกำลังเดินข้ามถนนไปยังป้ายรถประจำทางฝั่งห้างสรรพสินค้าเซ็นเตอร์วัน ทางเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร 6 นาย เดินตรงเข้าไปหาชาย สวมใส่เสื้อดำ อายุประมาณ 30 ปี ซึ่งคาดว่าจะเป็นแกนนำของผู้ชุมนุม ก่อนจะควบคุมตัวชายคนดังกล่าวขึ้นรถของทหาร ที่จอดเตรียมพร้อมไว้อยู่บริเวณนั้น แล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่เห็นเหตุการณ์ต่างไม่พอใจ และได้สอบถามว่า จับด้วยสาเหตุใด ก่อนจะขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ทหาร ที่ยังลงเหลืออยู่ พร้อมเรียกร้องให้ปล่อยตัวชายคนดังกล่าวทันที ทำให้สถานการณ์เริ่มตึงเครียด จนเจ้าหน้าที่ทหารที่ยังลงเหลืออยู่ในพื้นที่ ต้องใช้โล่ป้องกันสิ่งของที่ขว้างปา โดยมีตำรวจชุดควบคุมฝูงชนช่วยกันเจรจาขอให้ผู้ชุมนุมยุติขว้างปาสิ่งของ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารวิ่งขึ้นรถทหารอีกคันที่จอดไว้ฝั่ง ร.พ.ราชวิถี ออกพื้นที่ไป ท่ามกลางมวลชนวิ่งไล่ตามอย่างกระชั้นชิด ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนบาดเจ็บจากการถูกขว้างขวดน้ำใส่บริเวณใบหน้าหมดสติทันที 1 นาย และเป็นลมอีก 1 นาย เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำตัวออกมาปฐมพยาบาลจากนั้นเมื่อทหารออกจากพื้นที่หมดแล้ว ทางกลุ่มผู้ชุมนุม ก็ได้นำสีสเปรย์พ่นใส่รถทหารที่ยังจอดไว้อยู่ เป็นข้อความแสดงจุดยืนว่า ไม่ต้องการรัฐประหาร ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ