เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 ชาวบ้านในชุมชนนาหนองบง ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ได้ประชุมร่วมกันเพื่อหารือเพื่อรายงานความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 300 คนบุกทำร้ายและกักขังชาวบ้านเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีข้อสรุปร่วมกันว่าชาวบ้านกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดที่รับผลกระทบจากเหมืองทองคำ จังหวัดเลยได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อร้องทุกข์ กรณีที่มีนายทหารพัวพันกับการขนแร่ของ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ที่ใช้ความรุนแรงต่อประชาชน 6 หมู่บ้าน
ทั้งนี้ในจดหมายเปิดผนึกระบุว่า จากเหตุการณ์เมื่อ วันที่ 21 – 22เมษายน 2557 พล.ท.ปรเมษฐ์ ป้อมนาค และผู้ติดตามอีก 16 คน ซึ่งอ้างว่าเป็นทหารได้เดินทางเข้ามาที่หมู่บ้านนาหนองบง “คุ้มใหญ่” โดยใช้รถตู้คันหนึ่งที่โดยสารหมาย เลขทะเบียน ฮก 4700 กรุงเทพมหานคร จดทะเบียนในชื่อ พ.ท.ปรมินทร์ ป้อมนาค เมื่อถึงบริเวณหน้าบ้านของนายสุรพันธ์ รุจิไชยวัฒน์ ก็ได้บุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านและแสดงพฤติกรรมข่มขู่คุกคามประชาชน กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด ที่มาเฝ้าดูเหตุการณ์ หลังจากนั้นได้เปิดเผยความต้องการที่จะขนแร่ทองแดงของ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ผ่านถนนสาธารณะของชุมชน
หลังเหตุการณ์กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด ได้ส่งจดหมายเปิดผนึก ลงวันที่ วันที่ 24 เมษายน 2557 เพื่อร้องเรียนการละเมิดสิทธิชุมชนและสิทธิมนุษยชนและกรณีปัญหาการข่มขู่คุกคามในหมู่บ้าน และขอให้พล.อ.ประยุทธ์ดำเนินการสอบสวนพล.ท.ปรเมษฐ์ ป้อมนาค นายทหารนอกราชการ และกลุ่มผู้ติดตามที่อ้างว่าเป็นนายทหารดังกล่าวแต่จนบัดนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น
ในจดหมายถึงพล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า จนกระทั่งเกิดเหตุในคืนวันที่ 15 พฤษภาคม ถึง เช้าวันที่ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ประชาชน กลุ่มฅนรักษ์บ้านได้ถูกกองกำลังเถื่อนติดอาวุธ เข้ามาปิดล้อมหมู่บ้าน พังกำแพงชุมชนของหมู่บ้าน และได้ขู่ฆ่า กักขัง โดยมัดมือไขว้หลังให้คว่ำหน้ากับพื้น และรุมซ้อมทรมานทำร้ายร่างกายไม่เว้นผู้หญิงและคนชรา เพื่อเปิดทางในการขนแร่ทองแดงของ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ซึ่งเป็นเหตุให้ประชาชนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด บาดเจ็บหลายสิบรายถูกขโมยและทรัพย์สินถูกทำลาย โดยไม่มีหน่วยงานใดที่มีหน้าที่รับผิดชอบเข้ามาช่วยเหลือในขณะเกิดเหตุ
ในจดหมายยังระบุด้วยว่า มีพยานในเหตุการณ์ยืนยันได้ว่ามีนายทหารเป็นผู้สั่งการการปฏิบัติการขนแร่เถื่อนในครั้งนี้รวมถึงทั้งแผนการและลักษณะของการปฏิบัติการก็คล้ายการจู่โจมของทหาร จากนั้นประชาชน จึงรวมกลุ่มกันจัดเวรยามเพื่อตรวจสอบดูแลความปลอดภัยของประชาชนในหมู่บ้านด้วยตนเอง เนื่องจากข้อมูลจากอุตสาหกรรมจังหวัดเลยระบุว่า จำนวนแร่ทองแดงที่กองกำลังเถื่อนติดอาวุธขนออกไปได้นั้นมีจำนวน476 ตันแต่สามารถขนออกไปได้เพียง316 ตัน คงเหลือแร่ทองแดงที่ยังไม่ได้ทำการขน 160 ตัน รวมถึงสื่อมวลชนได้รายงานว่ายังมีแร่ทองแดงที่ค้างอยู่ในเหมืองทองคำแห่งนี้อีกประมาณ2,000 ตัน และแร่ที่ยังไม่ได้แต่งอีก 20,000 ตัน โดยที่ประชาชน กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด ได้ทราบว่าข่าวจะมีการขนแร่ด้วยรถบรรทุก 55 อีกครั้งในวันที่ 29-30 พฤษภาคมนี้ แต่ก็ไม่สามารถยืนยันหรือไม่สามารถทราบได้ว่าจะมีการขนแร่โดยใช้กองกำลังเถื่อนติดอาวุธเข้ามาทำร้ายประชาชนในหมู่บ้านอีกหรือไม่
ในจดหมายระบุด้วยว่า ยิ่งเมื่อกองทัพบกประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ในขณะที่ประชาชน กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด ได้รวมกลุ่มกันจัดเวรยามเพื่อตรวจสอบดูแลความปลอดภัยของประชาชนในหมู่บ้านด้วยตนเองสถานการณ์ดังนี้ได้สร้างความหวั่นวิตกต่อประชาชนในหมู่บ้าน เนื่องจากอาจจะมีความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกคุกคามทำร้ายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อการขนแร่ของ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด มีความเกี่ยวข้องชัดเจนกับนายทหาร ทางกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด จึงเรียนมาเพื่อขอให้พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก เร่งดำเนินการตรวจสอบนายทหารนอกรีต ทั้งที่ปลดประจำการแล้ว และอยู่ระหว่างรับราชการ ที่เป็นตัวการและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนแร่ของ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด อย่างเร่งด่วน โดยให้มีการลงโทษอย่างสูงสุดทั้งทางวินัยและดำเนินคดีอาญาหากพบความผิด
ด้านนายวสันต์ พานิช ทนายความและผู้อำนวยการสถาบันพัฒนานักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กล่าวว่าในวันที่ 28 พฤษภาคม 2557 ชาวบ้านบางส่วนจะเดินทางไปยังศาลจังหวัดเลย เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลให้คุ้มครองชาวบ้าน โดยจะขอให้ศาลออกคำสั่งให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการแร่ (กพร.) ระงับการดำเนินการออกใบอนุญาตขนส่งแร่ชั่วคราว ซึ่งคำตอบรับจากศาลจะเป็นอย่างไรแล้วแต่การพิจารณา
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
http://www.facebook.com/tcijthai
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ