เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่โรงแรมเวสเทิร์นแกรนด์ จ.ราชบุรี มีการจัดประชุมปัจฉิมนิเทศโครงการงานสำรวจและออกแบบทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สาย 8 นครปฐม - ชะอำ(มอเตอร์เวย์สายตะวันตก) ซึ่งมีตัวแทน บริษัท เอ็ม เอ เอ คอนซัลแตนท์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาโครงการ ชี้แจงสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นที่จัดขึ้นในพื้นที่ทั้ง 14 เวที ก่อนจะนำผลดังกล่าวส่งต่อให้กรมทางหลวงพิจารณาและดำเนินการต่อ
สำหรับบรรยากาศในการจัดเวทีครั้งนี้ได้รับความสนใจจากชาวบ้านกว่า 500 คน เข้าร่วมเวทีจนล้นห้องประชุม โดยมีเพียงตัวแทนบริษัทที่ปรึกษา ตัวแทนกรมทางหลวง และประชาชนเข้าร่วม แต่กลับไม่มีตัวแทนของหน่วยงานรัฐระดับจังหวัดเข้าร่วมเลย ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด หรือนายอำเภอ
น.ส.มัฑนาวดี สุทธิรัตนศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน บริษัท เอ็ม เอ เอ คอนซัลแตนท์ จำกัด กล่าวว่า โครงการจะนำข้อมูล ความคิดเห็นต่าง ๆ ไปปรับปรุงรายละเอียดการออกแบบโครงการทั้งทางด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม ให้สอดคล้องกับพื้นที่และความต้องการของชาวบ้าน โดยเฉพาะผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรกรรมที่มีความกังวล รวมทั้งเสียงคัดค้านของชาวบ้านที่ไม่ต้องการถนนสายนี้ จะถูกบันทึกในรายงานด้วย ซึ่งนับจากนี้คงเป็นขั้นตอนของกรมทางหลวงและรัฐบาลในการตัดสินใจว่าจะดำเนินโครงการนี้ต่อไปหรือไม่ เพื่อเชื่อมกับโครงข่ายการคมนาคมขนส่งในอนาคต
“โครงการนี้คงยังไม่ได้เริ่มสร้างในระยะใกล้นี้ เพราะเป็นเส้นทางที่ต้องรอเชื่อมกับมอเตอร์เวย์สาย 81 ซึ่งอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้น เพื่อเชื่อมตั้งแต่บางใหญ่ บ้านโป่ง กาญจนบุรี อันเป็นเส้นทางที่รองรับกับถนนที่จะตัดจากเมืองทวายของพม่า เชื่อมเส้นทางออกไปสู่มาเลเซีย โดยเส้นทางเหล่านี้ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างเลย” น.ส.มัฑนาวดีกล่าว
ด้าน น.ส.อัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง กล่าวว่า ถือว่าเวทีวันนี้เปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้แสดงความคิดเห็นมากกว่าในเวทีย่อยที่ผ่านมา ซึ่งข้อสรุปของชาวบ้านได้นำเสนอทางเลือกเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบรุนแรง 3 ทางเลือกคือ 1.ขยายและปรับปรุงถนนเพชรเกษมให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ 2.ขยายและเชื่อมต่อทางยกระดับจากถนนบรมราชชนนี 3.สนับสนุนระบบขนส่งผ่านเส้นทางรถไฟรางคู่ ซึ่งล้วนเป็นทางเลือกที่ไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อพื้นที่เกษตรกรรมอันอุดมสมบูรณ์ของ จังหวัดราชบุรี และ จังหวัดสมุทรสงคราม และเป็นแหล่งอาหารสำคัญของประเทศ
“ไม่มั่นใจว่าเขาจะนำข้อเสนอของประชาชนไปอยู่ในรายงานสรุปมากน้อยแค่ไหน เพราะที่ผ่านมาในเวทีย่อย ข้อมูลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมกลับไม่มีในรายงานหรือมีน้อยมาก” น.ส.อัญชุลี กล่าว
น.ส.อัญชุลี กล่าวต่อว่า ทางเครือข่ายกำลังเตรียมเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และผู้บัญชาการทหารบก เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกพร้อมรายชื่อ1,975 ราชื่อ เพื่อคัดค้านโครงการมอเตอร์เวย์ นครปฐม-ชะอำ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อพื้นที่เกษตรและวิถีชุมชนในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และสมุทรสงคราม รวมทั้งรายชื่อผู้สนับสนุนทางเลือกระบบรถไฟรางคู่ 1,100 รายชื่อ นอกจากนี้จะยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงคมนาคม คณะกรรมการสิทธิ์มนุษย์ชน ผู้ว่าราชการจังหวัด และศูนย์ดำรงธรรม
น.ส.อัญชุลีกล่าวอีกว่า หลังจากได้ร่วมกับชาวบ้านคัดค้านโครงการมอเตอร์เวย์สาย 8 นครปฐม-ชะอำ ทำให้ตนตกเป็นเป้าของคนบางกลุ่ม โดยเฉพาะเมื่อเช้าวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา มีชายชุดดำ 2 คน ซึ่งคนที่บ้านและเพื่อนบ้านจำได้ว่าเป็นนายอำเภอและปลัดอำเภอ เข้ามาเดินสำรวจซอยบ้าน โดยวันนั้นเป็นวันที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านกับหน่วยงานรัฐ จากนั้นวันที่ 8 มิถุนายน ตนไม่ได้อยู่ที่บ้าน เนื่องจากเดินทางไปอบรมที่ต่างจังหวัด ปรากฏว่านายอำเภอและปลัดอำเภอไปที่บ้านและถ่ายรูปบ้านโดยละเอียด รวมทั้งถ่ายรูปพ่อและแม่ และบอกกับคนที่บ้านว่าให้หยุดปลุกระดมชาวบ้าน เพราะผิดกฎอัยการศึกและทหารเอาจริง
“แม่ดิฉันจึงตอบกลับไปว่า ลูกฉันไม่ได้ปลุกระดมใคร ลูกฉันเป็นนักวิชาการ เห็นคนอื่นเดือดร้อนก็ออกไปช่วย ลูกฉันตะลอนๆมา 9 เดือนแล้ว ไม่ได้ขายของเลย จริงๆแล้วเป็นหน้าที่ของ ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่รู้อะไรผิด อะไรถูก ต้องมาทำหน้าที่นี้ ไม่ใช่ให้ลูกฉันมาทำ มันไม่เป็นธรรมกับผู้ที่ต่อสู้เพื่อปกป้องทรัพยากรสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะกับคนที่มีอำนาจรัฐ ฝ่ายปกครองควรจะเป็นผู้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน” น.ส.อัญชุลีกล่าว
ขอบคุณข่าวจาก FB Paskorn Jumlongrach
ขอบคุณภาพจาก FB Smith Tungkasmit
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
http://www.facebook.com/tcijthai
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ