ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าว TCIJ รายงานว่า ข้อมูลจากเว็บไซต์ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) http://www.ect.go.th ระบุว่า กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ถูกตั้งขึ้นเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียน และใช้จ่ายในการสนับสนุนพรรคการเมือง และดำเนินการอื่นใด ที่เกี่ยวกับการพัฒนาพรรคการเมือง โดยให้กกต.มีอำนาจและหน้าที่ในการจัดสรรเงินสนับสนุนแก่พรรคการเมือง ควบคุมดูแลการใช้จ่ายเงินทุนหมุนเวียน และพัฒนาพรรคการเมือง โดยจัดสรรเป็นรายปี ให้แก่พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหลังสุด ได้รับคะแนนเสียงแบบบัญชีรายชื่อ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ของคะแนนเสียง ที่พรรคการเมืองทุกพรรคได้รับ ในการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อรวมกัน หรือได้รับคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ของคะแนนเสียงที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนได้รับ ในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งรวมกันทั้งประเทศ
ซึ่งจะจัดสรรเงินตามจำนวนคะแนนเสียง จากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อร้อยละ 40 ของจำนวนเงินทั้งหมด คะแนนเสียงจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งร้อยละ 40 ของจำนวนเงินทั้งหมด สาขาพรรคการเมือง ซึ่งมีลักษณะตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด ร้อยละ 10 ของจำนวนเงินทั้งหมด และจำนวนสมาชิก ซึ่งชำระค่าบำรุงสมาชิกรายปี ร้อยละ 10 ของจำนวนเงินทั้งหมด ทั้งนี้จะจัดสรรให้พรรคใดพรรคหนึ่ง เกินกว่ากึ่งหนึ่งของวงเงินทั้งหมดในปีนั้นมิได้
ในกรณีที่เป็นพรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นใหม่ การจัดสรรเงินสนับสนุนแก่พรรคการเมือง จะกระทำได้ต่อเมื่อพรรคการเมืองนั้นได้ดำเนินการรับสมัครสมาชิกไม่น้อยกว่า 5,000 คน และมีสาขาพรรคอย่างน้อยภาคละ 1 สาขา ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมือง และได้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ให้ลดหรือเลิกการจัดสรรเงินสนับสนุนแก่พรรคการเมือง ตามสัดส่วนและเงื่อนไขดังต่อไป
1.สมาชิกของพรรคการเมืองไม่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ในการเลือกตั้งทั่วไป 2 ครั้ง ติดต่อกัน ให้ลดเงินสนับสนุนพรรคการเมืองลงกึ่งหนึ่ง
2.สมาชิกของพรรคการเมืองไม่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ในการเลือกตั้งทั่วไป 3 ครั้ง ติดต่อกัน ให้ลดเงินสนับสนุนพรรคการเมืองลงสามในสี่
3.สมาชิกของพรรคการเมืองไม่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ในการเลือกตั้งทั่วไป 4 ครั้งติดต่อกัน ให้เลิกให้เงินสนับสนุนแก่พรรคการเมืองนั้น
ทั้งนี้พรรคการเมืองที่ไม่ได้ส่งสมาชิกเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ถูกจัดให้อยู่ในความหมายเดียวกันกับไม่ได้รับเลือกตั้ง
นอกจากเงินที่กกต.ให้พรรคการเมือง เพื่อใช้ในการเลือกตั้ง ส.ส.แล้ว กกต.อาจกำหนดให้พรรคการเมืองได้รับการสนับสนุนในเรื่องค่าไปรษณียากร ค่าโทรศัพท์หรือค่าโทรคมนาคมอื่น ค่าจัดพิมพ์เอกสารเผยแพร่ของพรรคการเมือง ค่าเช่าสำนักงานพรรคการเมือง ค่าสาธารณูปโภค ค่าเช่าสถานที่จัดประชุมใหญ่พรรคการเมืองหรือสาขาพรรคการเมือง หรือการอื่นเพื่อให้พรรคการเมืองสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างเท่าเทียมกัน
โดยในปี 2554-2556 มีสัดส่วนการจัดสรรเงินสนับสนุนให้แก่พรรคการเมือง ดังนี้
นอกจากนี้ จากข้อมูลการจัดสรรเงินสนับสนุน ระหว่างปี 2542-2555 ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2555 แสดงให้เห็นว่าตลอด 13 ปี รัฐได้สนับสนุนพรรคการเมืองน้อยใหญ่รวม 81 พรรค เป็นเงิน 2,503,522,208.32 บาท
สำหรับรายได้ของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง มาจาก 1.เงินที่ได้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2.เงินค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2541 3.เงินค่าปรับที่ได้รับจากการลงโทษผู้กระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 4.เงินหรือทรัพย์สินที่พรรคการเมืองได้รับ โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 5.เงินหรือทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุน ตามมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 6.เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้มอบให้เพื่อสมทบกองทุน 7.เงินดอกผลของกองทุน และ 8.เงินรายรับอื่น
ขอบคุณภาพแรกจาก http://hilight.kapook.com
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ