จับตาพิจารณาอีไอเอ  โรงไฟฟ้าถ่านหินเอ็นพีเอส

TCIJ 30 ก.ค. 2557 | อ่านแล้ว 1531 ครั้ง

วันพรุ่งนี้ 31 ก.ค. คณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) จะมีการพิจารณา รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ/EIA) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมของบริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ แพลนท์ 3 จำกัด ที่ยื่นขอเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากชีวมวลเป็นถ่านหินเป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่ คชก. เคยมีมติไม่เห็นชอบมาแล้วตลอด 3 ปีที่ผ่านมา การพิจารณาของคชก. ในครั้งนี้ เกิดขึ้นในระหว่างที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำลังปฏิรูปประเทศไทย เพื่อคืนความสุขให้กับคนไทยทั้งชาติ ขณะที่ประเด็นอีไอเอเป็นประเด็นร้อนประเด็นหนึ่งที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่า การทำและการพิจารณาอีไอเอไม่โปร่งใสและไม่เป็นธรรม จนสร้างความเดือดร้อนและความทุกข์ให้กับประชาชนอย่างมากมาย จนต้องได้รับการปฏิรูปอย่างเร่งด่วน

โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมของบริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ แพลนท์ 3 จำกัด (เอ็นพีเอส) นี้ เป็นโรงไฟฟ้าในเครือของบริษัทผลิตกระดาษชื่อดังคือ ดับเบิ้ลเอ มีขนาด 47.4 เมกกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้รับการอนุญาตให้ประกอบกิจการโดยใช้ชีวมวลเป็นเชื้อเพลิง แต่บริษัทได้ยื่นอีไอเอขอเปลี่ยนเชื้อเพลิงมาใช้ถ่านหิน ถึง 2 ครั้ง ซึ่ง คชก. มีมติไม่เห็นชอบทั้ง 2 ครั้ง และบริษัทได้ยื่นอีไอเอเป็นครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่ง คชก. จะพิจารณาในวันพรุ่งนี้ คือ 31 กรกฎาคม เป็นการพิจารณาในภาวะที่ประเทศกำลังเข้าสู่วาระแห่งการปฏิรูป เพื่อมอบความสุขให้กับประชาชน

นางยุพิน คะเสนา ประธานกลุ่มเกษตรอินทรีย์ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า พื้นที่การทำเกษตรอินทรีย์อยู่ในรัศมีที่มีโอกาสจะได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้านี้ ซึ่งข้อมูลการศึกษาของชาวบ้านที่ร่วมกับคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติได้ประเมินแล้วว่าจะได้รับผลกระทบด้วย จนเป็นหนึ่งในหลายเหตุผลที่ทำให้ คชก. พิจารณาไม่เห็นชอบในอีไอเอรอบที่ผ่านมา แต่จนบัดนี้ กลุ่มเกษตรอินทรีย์ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากบริษัท และไม่ได้มีโอกาสมีส่วนร่วมใดๆ ในการประเมินผลกระทบของบริษัท จนกระทั่งบริษัทยื่นอีไอเอในรอบนี้ และทางกลุ่มเพิ่งทราบข่าวว่าจะมีการพิจารณาในวันพรุ่งนี้ ดังนั้น กลุ่มและชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านที่อยู่รอบๆ โครงการโรงไฟฟ้านี้ จึงได้ยื่นเรื่องไปยัง คชก. เพื่อขอเข้าร่วมประชุมพิจารณาและเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย เพื่อให้การพิจารณาของ คชก. รอบคอบยิ่งขึ้น

          “ดิฉันขอวิงวอนให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการทุกท่าน โปรดใส่ใจกับการมีส่วนร่วมในการปกป้องพื้นที่ผลิตอาหารที่ดีมีคุณภาพให้กับสังคมไทย กว่าที่ชาวบ้านจะรวมกลุ่มในการทำเกษตรอินทรีย์มาได้จนเข้มแข็งอย่างทุกวันนี้  ต้องใช้เวลากว่า 30 ปี ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ นานามาอย่างนับไม่ถ้วน จนกระทั่งผลผลิตเกษตรอินทรีย์จากกลุ่มได้รับมาตรฐานสากลจากสำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (มกท.) สหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (IFOAM) และสหภาพยุโรป (อียู) สมาชิกของกลุ่มสามารถมีรายได้อยู่อย่างมีความสุข ครอบครัวไม่ต้องแตกแยกอยู่ห่างไกลกัน และที่สำคัญสมาชิกทุกคนมีสุขภาพที่ดี ซึ่งใช้งบประมาณของรัฐไม่มากในแต่ละปีในการดูแลสุขภาพของสมาชิก ทั้งหมดนี้ชาวบ้านต้องฝ่าฟันมาด้วยตนเอง แต่จะต้องมาสิ้นลงในเวลาไม่กี่ปี หากโรงไฟฟ้านี้ได้รับความเห็นชอบให้เปลี่ยนเชื้อเพลิงเป็นถ่านหิน”

          “พรุ่งนี้ ดิฉันและพี่น้องอย่างน้อย 50 คน จะไปรออยู่หน้าห้องประชุมของ คชก. ที่สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถนนพระราม 6 เพื่อขอมีส่วนร่วมในการพิจารณาอีไอเอครั้งนี้ และจะพิสูจน์ว่า คชก. จะมอบความสุขหรือความทุกข์ให้กับประชาชนกันแน่” นางยุพิน กล่าว

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์

http://www.facebook.com/tcijthai

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: