กรมการค้าต่างประเทศยืนยันกระทรวงพาณิชย์ยังไม่มีมีแผนระบายข้าวเสื่อมสภาพไปสู่อุตสาหกรรมในขณะนี้ ชี้ต้องผ่านขั้นตอนการดำเนินการทางคดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถนำข้าวเสื่อมสภาพออกมาระบายสู่ภาคอุตสาหกรรมได้หลังเดือนสิงหาคม 2558 (ที่มาภาพประกอบ: telegraph.co.uk)
4 มี.ค. 2558 นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยกับสื่อมวลชนกรณีมีรายงานว่ากระทรวงพาณิชย์เตรียมแผนระบายข้าวเสื่อมสภาพไปสู่อุตสาหกรรมในราคาต่ำ สร้างความกังวลและสับสนกับวงการค้าข้าวว่ายืนยันว่าไม่เป็นความจริง ขณะนี้ อยู่ในระหว่างขั้นตอนการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้รับผิดชอบ การนำข้าวเสื่อมสภาพออกมาระบายสู่ตลาด ต้องผ่านขั้นตอนการดำเนินการทางคดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน เบื้องต้น คาดว่าจะสามารถนำข้าวเสื่อมสภาพออกมาระบายสู่ภาคอุตสาหกรรมได้ หลังเดือนสิงหาคม 2558 อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเอกชนทั้งในประเทศ และต่างประเทศต่างให้ความสนใจขอซื้อข้าวเสื่อมสภาพไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ จำนวนมาก
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวด้วยว่า ภายหลังการดำเนินการทางกฎหมายแล้วเสร็จ จึงสามารถขอความเห็นชอบจากคณะกรรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เพื่อเปิดประมูลข้าวเสื่อมสภาพ โดยให้ผู้สนใจเข้ามาแข่งขันเสนอซื้อได้ตามกลไกตลาด รวมทั้งเพื่อความโปร่งใส่ในทุกขั้นตอน
ก่อนหน้านี้เมื่อตั้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีข่าวลือว่ากรมการค้าต่างประเทศกำลังจัดทำแผนการระบายข้าวเสื่อมสภาพปริมาณรวม 4 ล้านตัน ซึ่งข้าวที่เก่าที่สุดมาจากโครงการรับจำนำเมื่อปี 2549 จนถึงปัจจุบัน มีสภาพเป็นฝุ่นและไม่มีเชื้อแป้งที่จะนำไปใช้ต่อในอุตสาหกรรมได้ โดยกลุ่มผู้ผลิตเอทานอลเห็นว่าการนำข้าวดังกล่าวไปผลิตเอทานอลจะไม่คุ้มต้นทุน แม้กระทรวงพาณิชย์จะประเมินราคาขายไว้ที่ กก.ละ 2.50 บาท หรือตันละ 2,500 บาทเท่านั้น แต่เจ้าของโกดังที่เก็บข้าวเสื่อมได้เสนอซื้อในราคา กก.ละ 1 บาท หรือตันละ 1,000 บาทเท่านั้น
โดยข้าวเสื่อมสภาพที่มีอยู่ยังสามารถนำไปผลิตเป็นส่วนประกอบอาหารสัตว์ได้ ดังนั้นถ้าขายออกไปจำนวน 4 ล้านตันจะขายได้เพียง 4 พันล้านบาท เท่านั้น อย่างไรก็ตาม แนวทางการแก้ไขปัญหาข้าวเสื่อมสภาพดังกล่าวอย่างไรนั้น จะสรุปและนำเสนอให้คณะกรรมการบริหารจัดการข้าวแห่งชาติ (นบข.) พิจารณาและตัดสินใจต่อไป
นอกจากนี้การระบายข้าวสต็อกรัฐบาล 2/2558 ที่จะมีขึ้น 6 มี.ค.นี้ ซึ่งมีข้าวขาว 5% นำออกมาระบายถึง 7 แสนตัน เมื่อประเมินจากกำหนดเวลาการขนข้าวออกจากโกดัง ซึ่งมีระยะเวลาสูงสุดที่ 210 วัน สำหรับปริมาณข้าว 3 แสนตันขึ้นไป ส่วนกำหนดเวลาขนข้าวออกจากโกดังสำหรับข้าวปริมาณน้อยที่สุดที่ 50,000 ตัน ให้ขนออกได้ภายใน 90 วันนั้น
หากการระบายครั้งนี้สามารถระบายได้ทั้งหมด 7 แสนตันข้าวสารขาว 5% ก็จะทำให้มีข้าวในตลาดมากกว่าผลผลิตนาปรัง 2558 ที่จะออกสู่ตลาดในช่วง มี.ค.-เม.ย.นี้ ซึ่งจะส่งผลต่อระดับราคาข้าวเปลือกในที่สุด โดยราคาข้าวเปลือกเจ้า 5% (ความชื้น 15%) เฉลี่ยที่ตันละ 7,700-8,300 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำสุดตั้งแต่ปี 2555 ที่เฉลี่ยทั้งปีตันละ 10,541 บาท ปี 2556 ตันละ 9,911 บาท และปี 2557 เฉลี่ยตันละ 7,733 บาท
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ