‘ฮอร์โมนเพศชายเสริมสำหรับทอม เปลี่ยนจากหญิงสาวให้กลายเป็นชายหนุ่ม’-‘...เสริมให้ฮอร์โมนเพศชายเด่นขึ้นวิตามินทอม’-‘ฮอร์โมนเพศชาย ทานเพื่อเสริมให้เพศชายเด่นขึ้น’ เหล่านี้คือตัวอย่างคำโฆษณาขายฮอร์โมนสำหรับทอมที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นชาย ซึ่งมีอยู่หลายเจ้าบนอินเตอร์เน็ต
การปรับเปลี่ยนเนื้อตัวร่างกายของมนุษย์กำลังเป็นความต้องการชนิดใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้นตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี มันไม่ได้จำเพาะกับผู้ชายหรือผู้หญิงอีกแล้ว ดังที่รู้ๆ กัน ต้นทุนการแปลงเพศจากหญิงเป็นชายต่ำลงมากและฝีมือแพทย์ไทยก็ประณีตจนเลื่องลือ หรือถ้าใครยังไปไม่ถึงการลงมีดก็ยังมีอีกหลากวิธีที่จะปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาจากชายให้ตรงกับความเป็นหญิงในตัว เช่น การทานฮอร์โมน การผ่าตัดหน้าอก การแต่งกาย-แต่งหน้า
จะว่าไป องค์ความรู้ในการทำตัวเองให้เป็นหญิงของสาวประเภทสอง กะเทยไทย หรือผู้หญิงข้ามเพศ ได้รับการสั่งสมต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น เรียกว่าตกผลึกในระดับที่เชื่อถือได้พอสมควร เพราะที่ผ่านมาการสร้างองค์ความรู้ด้านเพศสภาพ เพศวิถี และเพศศึกษาของรัฐไทยจำกัดวงแคบๆ แค่สองเพศ ชาย-หญิง ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศจึงต้องดิ้นรนเสาะหาและสร้างกันเอาเอง
แต่พอพูดถึงกลุ่มทอมและผู้ชายข้ามเพศกลับเป็นอีกเรื่อง จะเพราะเหตุใดก็ตาม องค์ความรู้ของคนหลากหลายทางเพศกลุ่มนี้กลับน้อยมากเมื่อเทียบกับกลุ่มข้างบน การจะสร้างมันขึ้นได้จึงต้องใช้ตนเองเป็นแบบเรียนและแบบทดสอบ ลองถูกก็โชคดี ลองผิดก็เจ็บปวด
ตลาดสินค้าทอม จาก 0 สู่ 60 ล้านบาทต่อปี
ย้อนกลับไปสัก 10-20 ปีก่อน กรรมวิธีในการปรับเปลี่ยนตนเองและสินค้าที่จับกลุ่มทอมเรียกว่ามีน้อยมาก ที่พอจะจินตนาการออกมากที่สุดคือสเตย์รัดหน้าอก เพื่อปกปิดสัดส่วนตามเพศสภาพเดิม แต่ปัจจุบัน สเตย์รัดหน้าอกพัฒนาไปเป็นเสื้อกล้ามทอมโดยเฉพาะ มีฮอร์โมนสำหรับทอม ไปจนถึงเซ็กส์ทอยส์ ถุงยางนิ้ว สบู่ลดหน้าอก ภาพยนตร์หรือนวนิยายเฉพาะกลุ่มหญิงรักหญิง เป็นต้น
ศุภมาส ศิริมังคลวณิชย์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ทอมชิค กล่าวว่า จาก 7 ปีที่แล้วที่บุกเบิกสินค้าจับกลุ่มทอม สินค้ากลุ่มตลาดนี้ถือว่าเป็นศูนย์ แต่ตอนนี้มีเยอะขึ้นมากไม่ต่ำกว่า 10 แบรนด์ ตั้งแต่เครื่องสำอาง ชุดชั้นใน เซ็กส์ทอยส์ จนถึงเสื้อผ้าแฟชั่น ซึ่งในตลาดก็มีขาย แต่คนผลิตพยายามชี้ว่าเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม โดยเน้นเรื่องของรูปแบบและดีไซน์ ศุภมาสแสดงทัศนะว่า ตลาดตรงนี้ยังเติบโตได้อีก โดยเฉพาะในโซนอาเซียน และเมื่อประเมินตลาดในประเทศไทยภายใต้บรรยากาศเศรษฐกิจปัจจุบัน มูลค่าตลาดน่าจะอยู่ที่ประมาณ 50-60 ล้านบาทต่อปี
ขาดความรู้-ข้ามขั้นตอน อันตรายของการเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยตัวเอง
แน่นอนว่าผู้มีความหลากหลายทางเพศที่ต้องการแสดงภาพลักษณ์ให้ตรงกับเพศที่ตนเป็นย่อมต้องหาวิธีการต่างๆ นานาเพื่อปรับเปลี่ยนเนื้อตัวร่างกายตนเอง ผู้หญิงข้ามเพศหรือสาวประเภทสองคือตัวอย่างที่เห็นชัด แต่ถ้าเงินยังเก็บไม่ถึง พวกเธอก็มีหลายวิธีการที่ผ่านลองผิดลองถูกและสั่งสมกันรุ่นสู่รุ่น พูดก็คือพวกเธอช้ำจนชิน จนมีหนทางลองถูกมากกว่าลองผิด
ทอมที่ต้องการแสดงอัตลักษณ์ความเป็นชายก็มี (ทอมที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นชายก็มีเช่นกัน) แต่องค์ความรู้ที่มีในกลุ่มนี้ต่างกันราวฟ้ากับเหวกับกลุ่มข้างต้น เพราะในอดีต อคติเรื่องเพศทางสังคมกดทับพวกเขาไว้ แรงผลักดันที่จะประกาศตนในสังคมและยืนยันสิทธิมาช้ากว่ากลุ่มกะเทย ไม่ต้องพูดถึงภาครัฐในการสร้างองค์ความรู้ด้านเพศวิถี เพศสภาพ และเพศศึกษาที่ครอบคลุม ‘ทุกเพศ’ ที่ยังไม่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง เมื่อองค์ความรู้ ข้อมูล และความเข้าใจไม่สมดุลกับความต้องการ ลองผิดย่อมมีโอกาสมากกว่าลองถูก
ผู้ชายข้ามเพศชื่อดังอย่าง กฤตธีพัฒน์ โชติฐานิตสกุล หรือจิมมี่ เล่าประสบการณ์ว่า กว่าเขาจะปรับเปลี่ยนตัวเองจนเป็นเช่นปัจจุบันมีกระบวนการและขั้นตอนที่ต้องอาศัยทั้งความรู้ ความเข้าใจ เวลา ความอดทน และค่าใช้จ่าย แต่สิ่งที่เขาพบเป็นประจำจากทอมรุ่นน้องที่เข้ามาทักทายเขาในโลกโซเชียลคือความต้องการเปลี่ยนรูปลักษณ์แบบทันทีทันใด โดยไม่สนใจขั้นตอนที่ควรจะเป็น
กฤตธีพัฒน์ โชติฐานิตสกุล ภาพจาก entertain.teenee.com
“น้องๆ หลายคนบอกผมว่าต้องการข้ามเพศ ผมบอกให้ไปโรงพยาบาล ไปพบจิตแพทย์ ไม่กล้า กลัวไม่ผ่าน ผมก็บอกว่าถ้าคุณมั่นใจว่าตัวคุณเป็น คุณจะกลัวไม่ผ่านทำไม เมื่อกลัวไม่ผ่านก็เลยไปหาซื้อฮอร์โมนเอง แต่เขาไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมา ถ้าเขาฉีดผิดจุดหรือมากเกินไป กับคนที่แพ้ ฉีดเข้าไป ตายได้ง่ายๆ แต่เขาไม่ฟัง มองเราว่าห้ามเขาไม่ให้ตามความฝันตัวเอง แต่เรากำลังช่วยชีวิตคุณอยู่นะ คือน้องๆ เขาต้องการเดี๋ยวนี้ๆ โดยขาดวิจารณญาณที่จะไตร่ตรอง”
ฮอร์โมนระบาด ซื้อเอง ฉีดเอง กินเอง
ในกลุ่มทอมมีฮอร์โมนแบบฉีดตัวหนึ่งที่เป็นที่นิยมเนื่องจากหาง่ายและมีราคาค่อนข้างถูก หลอดละประมาณ 150-170 บาท สำหรับฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ทั้งมีความเชื่อว่ายิ่งฉีดเยอะก็จะยิ่งกระตุ้นลักษณะเพศชายออกมาเร็วขึ้น เช่น มีกล้ามเนื้อ เสียงแตก มีหนวดเครา ผู้ที่เลือกใช้แนวทางนี้ ถ้าไม่ฉีดเองก็จะใช้บริการหมอกระเป๋า พยาบาล หรือคลินิกตามคอนโดให้เป็นผู้ฉีดให้ หมอกระเป๋าเป็นใคร อยู่ที่ไหนบ้าง จะเป็นเรื่องที่รับรู้กันในกลุ่มแบบปากต่อปาก โดยเน้นค่าบริการราคาถูก ซึ่งก็ตรงกับความต้องการของวัยรุ่นทอมที่ยังไม่มีรายได้มากพอ
นอกจากยาฉีด ยังมียากินอีกแขนงที่เป็นที่นิยม กฤตธีพัฒน์ กล่าวว่า ยาดังกล่าวมีแผงละ 10 เม็ด ราคาต่ำสุด 130 บาท ถ้าจะใช้ยาชนิดให้เท่ากับการใช้วิธีฉีดจะต้องกินวันละ 8 เม็ด ซึ่งนอกจากจะเสียเงินโดยใช้เหตุแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว
อีกกลุ่มที่กำลังได้รับความนิยมคือวิตามินเสริม เร่งฮอร์โมนเพศชาย กดทับฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งช่วยสร้างกล้ามเนื้อและขนตามร่างกายให้เพิ่มขึ้น เสียงทุ้มต่ำลง แต่จะไม่เด่นชัดเท่าการฉีด ยาพวกนี้ต้องกินต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 3 เดือนขึ้นไป เมื่อหยุดกินก็จะกลับไปเหมือนเดิม แต่จะส่งผลระยะยาวถ้ากินเป็นปริมาณมากต่อเนื่องเป็นปี
“ยาพวกนี้หาง่าย เสิร์ชในกูเกิ้ลก็เจอ สั่งซื้อออนไลน์ได้เลย เด็กบางคนพอเห็นทอมที่เปลี่ยนไป เขาก็แอดคุยกัน บางคนก็ออกกำลังกายไปด้วยจนมีมัดกล้ามเนื้อ แล้วก็ขายไปด้วยเลย คือใช้ตัวเองเป็นพรีเซ็นเตอร์ พอมีเด็กรุ่นใหม่ทักมา เขาก็ขายไปในตัวเลย ความจริงเขาก็ไม่ได้ใช้ บางอย่างเขาก็ใช้และขายด้วย” ศุภมาส กล่าว
กระแสการใช้ฮอร์โมนมาจากไหน? โซเชียล มิเดียเป็นแหล่งสร้างความต้องการที่สำคัญ รูปของทอมหล่อ ดารา-นักร้องทอมรุ่นใหม่กระตุ้นให้ทอมอื่นๆ อยากแมนบ้าง แต่ขั้นตอนทางการแพทย์ การใช้เวลานานที่ไม่ทันอกทันใจ และราคา กั้นขวางคนกลุ่มนี้จากบริการทางการแพทย์ที่ควรจะเป็น การเข้าถึงฮอร์โมนได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า แม้จะเสี่ยงกว่า
กระบวนการข้ามเพศ
กระบวนการที่ควรจะเป็นสำหรับการปรับเปลี่ยนร่างกายตนเองเป็นอย่างไร? นพ.กมล พันธ์ศรีทุม แพทย์ด้านศัลยกรรมพลาสติก โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล อธิบายว่า ต้องเริ่มต้นด้วยการพบจิตแพทย์เพื่อวิเคราะห์ความต้องการเปลี่ยนแปลงร่างกายอยู่ระดับใด (เพราะทอมบางคนอาจแค่พอใจกับรูปลักษณ์ของทอมมากกว่าการเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้ชาย) หากจิตแพทย์วิเคราะห์ว่าบุคคลผู้นั้นมีความต้องการเปลี่ยนแปลงร่างกายตนเองจริงๆ ก็จะส่งต่อให้แพทย์ด้านต่อมไร้ท่อ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านฮอร์โมน เพื่อใช้ฮอร์โมนเพศชายและติดตามผลอย่างใกล้ชิด ช่วงของการใช้ฮอร์โมนเพศชาย ร่างกายจะเริ่มเปลี่ยนแปลงมีลักษณะความเป็นผู้ชายมากขึ้น ระหว่างนี้ผู้ที่รับฮอร์โมนจะต้องทดลองใช้ชีวิตประจำวันแบบผู้ชายเต็มเวลา ทั้งลักษณะท่าทาง การพูด การแต่งกาย ฯลฯ ขั้นตอนส่วนนี้ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี แต่จะเป็น 2 ปีในอเมริกาหรือยุโรป
หลังจากขั้นตอนนี้คือการผ่าตัด ซึ่งก็ไม่ใช่การผ่าตัดครั้งเดียวแล้วจบ แต่ต้องค่อยๆ ทำไปทีละขั้นตอน ลำดับแรกคือการผ่านตัดหน้าอก ต่อมาคือการผ่าตัดมดลูกและรังไข่ เพื่อยุติการสร้างฮอร์โมนเพศหญิง ส่วนการผ่าตัดอันดับสุดท้ายและมีค่าใช้จ่ายมากที่สุดคือการผ่าตัดแปลงเพศ
“การผ่าตัดอวัยวะเพศมีหลายแบบ อย่างการทำไมโคร เพนิส ไว้สำหรับเข้าห้องน้ำเพื่อปัสสาวะ ยืนฉี่ได้ บางคนพอใจแค่นั้น แต่ถ้าต้องการมากกว่านั้น ต้องการมีขนาดอวัยวะเพศที่มีขนาดชัดเจนก็ต้องผ่าตัดอีกขั้นหนึ่ง ต้องอาศัยเวลาและค่าใช้จ่าย มีขั้นตอนที่ยุ่งยากกว่า” นพ.กมล กล่าว
กระแสการใช้ฮอร์โมนมาจากไหน?
โซเชียล มิเดียเป็นแหล่งสร้างความต้องการที่สำคัญ
รูปของทอมหล่อ ดารา-นักร้องทอมรุ่นใหม่กระตุ้นให้ทอมอื่นๆ อยากแมนบ้าง
สิ่งหนึ่งที่ควรรู้-ผู้ที่ผ่าตัดแปลงเพศไม่ว่าจากหญิงเป็นชายหรือจากชายเป็นหญิงจะต้องใช้ฮอร์โมนตลอดชีวิต กฤตธีพัฒน์ บอกว่า เขาต้องฉีดฮอร์โมนเดือนละ 2 ครั้ง
ต้นทุนชีวิตที่ยังไม่รับรู้
เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ที่การข้ามเพศต้องมีกระบวนการที่ใช้เวลาและมีหลายขั้นตอน เพราะมันเป็นกระบวนการที่ย้อนกลับไม่ได้ ไม่ใช่ในรูปของตัวเงินเพียงอย่างเดียว บางแง่มุม ต้นทุนการใช้ชีวิตก็สูงขึ้นด้วย
“สิ่งที่เขาไม่รู้คือชีวิตมันจะไม่ง่าย หลายคนไปสมัครงาน เขาไม่รับ คนที่เป็นทรานส์เจนเดอร์ ปัญหาจะเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนสมัครงาน” กฤตธีพัฒน์ เล่าประสบการณ์อีกว่า
“ผมเคยทำบัตรเครดิตหาย โทรไปแบงค์เพื่ออายัด ทางแบงค์บอกว่าไม่ได้ เพราะชื่อเป็นนางสาว แต่เสียงเป็นผู้ชาย ผมก็บอกว่าให้ผมยืนยันตัวตกยังไงก็ได้ ช่วยระงับให้หน่อย ผมตอบคำถามทุกอย่างถูกหมด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อยู่ดี เขาบอกว่าผมต้องไปที่แบงค์และยื่นเอกสารด้วยตนเอง นี่คือปัญหาหนึ่ง มันมีปัญหามากมายที่เขาต้องเจอ แต่เขายังไม่ได้มองไกลถึงตรงนั้น เขามองแต่ภาพสวยหรูที่อยากได้”
เตือนศึกษาข้อมูลก่อน การแปลงเพศเหมือนตั๋วเที่ยวเดียว
ราคาที่สูงกับระยะเวลาที่ยาวนานกลายเป็นอุปสรรคสำหรับทอมที่ต้องการเปลี่ยนแปลงร่างกายเป็นชายแบบทันทีทันใด ทว่า เรื่องนี้ต้องแบ่งเป็น 2 ประเด็น เวลาคือความจำเป็นในกระบวนการข้ามเพศ ขณะที่ราคาผูกโยงกับการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ
เมื่อ ‘ต้นทุนไม่พอ’ บวกกับ ‘รอไม่ได้’ จึงเป็นช่องว่างให้สินค้าจำพวกฮอร์โมนเฟื่องฟู จะมากหรือน้อย เฉพาะหน้าหรือระยะยาว การใช้ฮอร์โมนด้วยตนเอง โดยไม่ปรึกษาแพทย์ สุ่มเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบ การเพิ่มข้อมูล ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องอาจช่วยถมช่องว่างให้แคบลง กฤตธีพัฒน์ กล่าวว่า
“อยากให้เมืองไทยมีศูนย์ทรานส์เจนเดอร์ ตอนนี้ที่อเมริกาเริ่มทำแล้ว เพราะเรายังไม่มีศูนย์ที่คอยให้ความรู้ครบวงจรในเรื่องนี้เลย ประเทศไทยต้องการทำให้ตนเองเป็นสวรรค์ของคนที่ต้องการข้ามเพศ แต่สิทธิของคนไทยด้วยกันเองที่ต้องการข้ามเพศกลับไม่มี แม้แต่ความรู้ก็ต้องไปขวนขวายหาเอง”
ด้าน นพ.กิตติพงศ์ แซ่เจ็ง ผู้อำนวยการสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การทำงานและการผลิตสื่อในปัจจุบันเน้นความหลากหลายทางเพศอยู่แล้ว ทั้งเพศชาย หญิง และอื่นๆ
“แต่เราคงยังไม่ได้แยกสำหรับกลุ่มนี้ๆ แต่ในอนาคตอาจจะพยายามระบุให้ชัดเจน เบื้องต้นตอนนี้เรามีสื่อที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของกรมอนามัยการเจริญพันธุ์ให้เข้ามาเลือกดู แต่ไม่ระบุว่าต้องเป็นเพศอะไร”
นพ.กิตติพงศ์ กล่าวด้วยว่า ในด้านการให้บริการไม่ควรแยกเป็นเพศใดเพศหนึ่งโดยเฉพาะ แต่ควรเป็นการบูรณาการทุกเพศทุกวัยเข้าสู่ระบบบริการปกติ เพราะการเปิดศูนย์เฉพาะเหมือนเป็นการตีตรา
ขณะที่กฤตธีพัฒน์ให้คำแนะนำและเตือนสำหรับทอมที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นชาย
“เริ่มต้นอย่างถูกต้องคือต้องพบจิตแพทย์ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่เราจะเทคฮอร์โมน ก่อนที่แพทย์จะส่งเราไปพบแพทย์ด้านต่อมไร้ท่อ เขาต้องดูก่อนว่าสภาพร่างกายและจิตใจเราพร้อมที่จะข้ามเพศ เพราะการผ่าตัดแปลงเพศเหมือนตั๋วเที่ยวเดียวที่ย้อนกลับไม่ได้”
ดังนั้น ก่อนที่จะลงมือทำอะไรกับร่างกายตนเอง จึงควรศึกษาหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนด้วย การรอคอยข้อมูลที่ผลิตอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานรัฐคงต้องใช้เวลาอีกพอสมควร จนกว่าจะเกิดการปรับมุมมองต่อความหลากหลายทางเพศให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
อ่าน 'จับตา: ข้อบังคับแพทยสภาในการแปลงเพศ'
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊ค TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ