เตรียมนำพื้นที่สาธารณประโยชน์ 2,623 ไร่ ทำแก้มลิงเป็นแหล่งกักเก็บน้ำไว้ใช้แก้ภัยแล้ง พบชาวบ้านขุดบ่อเลี้ยงปลาและเลี้ยงกุ้งเต็มพื้นที่ทั้ง 2,623 ไร่ มีผู้บุกรุกทั้งหมด 41 ราย ชาวบ้านระบุหากทางราชการให้เวลา 7 เดือนให้ย้ายออกจากพื้นที่ อาจน้อยไปเพราะกว่าจะหาที่ทำกินได้ใหม่ค่อนข้างยาก ยืนยันว่าไม่ได้ดื้อรั้นแต่ต้องขอเวลาในการหาที่ทำกินใหม่ (ที่มาภาพข่าว: มติชนออนไลน์)
11 พ.ย. 2558 เว็บไซต์มติชนออนไลน์รายงานว่าน.ส.จิตรา พรหมชุติมา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวในการลงพื้นที่เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2558 ว่าพื้นที่ทุ่งหิน ใน ม.3 บ้านต้นลำแพน ต.ยี่สาร อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ซึ่งอยู่ติดกับ ต.บางตะบูน อ.บ้านแหลม และ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ถือเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์หรือพื้นที่ นสร.มีทั้งหมด 2,623 ไร่ พื้นที่แห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นบ่อและเป็นพื้นที่ราบลุ่ม ประกอบกับขณะนี้ในแต่ละพื้นที่มีกำลังจะประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในการอุปโภค-บริโภค จ.สมุทรสงครามถึงแม้จะมีลำคลองมากกว่า 360 คลอง แต่เมื่อฝนตกลงมากลับไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำไว้ใช้ จึงเห็นว่าควรนำพื้นที่แห่งนี้ทำเป็นแหล่งกักเก็บกักน้ำจืดหรือแก้มลิงขนาดใหญ่ไว้ให้ชาวสมุทรสงครามใช้เพื่อการเกษตร, ทำน้ำประปาตลอดจนการท่องเที่ยวและปลูกป่าโดยจะสามารถกักเก็บน้ำจืดได้ถึง 4.2 ล้านลูกบาศก์เมตร
น.ส.จิตรากล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันชาวสมุทรสงครามไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำจืดเป็นของตนเองทำให้ต้องรับน้ำประปาจาก จ.ราชบุรีและ จ.สมุทรสาครไม่มีน้ำจืดเป็นของตนเองในการผลิตน้ำประปาที่ใช้ในพื้นที่ปีละ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงคาดว่าน่าจะเพียงพอต่อความต้องการการใช้น้ำและจะมีประโยชน์มหาศาลต่อชาวสมุทรสงคราม โดยโครงการดังกล่าวได้เข้าแผนพัฒนาจังหวัดปี พ.ศ.2560-2561 ประกอบด้วยอาคาร 4 หลัง คันกั้นน้ำยาว 12.7 กม. ความลึก 2 ม. ความจุปากขอบ 3 ม. คาดว่าน่าจะใช้งบประมาณในการดำเนินการประมาณ 50.5 ล้านบาท นอกจากจะเป็นแก้มลิงขนาดใหญ่แล้ว ยังจะปลูกต้นไม้ที่เหมาะสมกับพื้นที่ สร้างอควาเรียมพิพิธภัณฑ์พันธุ์ปลาน้ำจืดในจังหวัดสมุทรสงคราม แหล่งเลี้ยงปลาทูที่ขึ้นชื่อของจังหวัด และในอนาคตจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถสร้างรายได้ให้กับชาวจังหวัดสมุทรสงครามอย่างมหาศาล โดยจะน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาดำเนินการคล้ายกับการทำแก้มลิง ที่ทุ่งมะขามหย่อง ต.บ้านใหม่ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
น.ส.จิตรากล่าวอีกว่า แต่ปัจจุบันพื้นที่ทุ่งหินพบว่ามีชาวบ้านขุดบ่อเลี้ยงปลาและเลี้ยงกุ้งเต็มพื้นที่ทั้ง 2,623 ไร่ มีผู้บุกรุกทั้งหมด 41 ราย ที่ผ่านมากรมที่ดินเคยมีคำสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ นส.3ก แล้ว ต่อมาเจ้าของที่ดินได้ฟ้องศาลปกครองขอให้เพิกถอนคำสั่งของกรมที่ดิน และในปี พ.ศ.2557 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งยกฟ้อง ที่ผ่านมา อบต.ยี่สารได้ชี้แจงทำความเข้าใจแก่ผู้บุกรุกและทำหนังสือแจ้งเตือนให้ผู้บุกรุกทราบรวมทั้งแจ้งความดำเนินคดีล่าสุดมีผู้บุกรุกยินยอมออกจากพื้นที่ดังกล่าวแล้วจำนวน17 ราย เหลือเพียง 24 รายเท่านั้นที่ยังไม่ยอมออกจากพื้นที่ จึงต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจังมิฉะนั้นเจ้าหน้าที่ของรัฐจะมีความผิดฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ โดยเมื่อเร็วๆนี้ ตนจึงพร้อมด้วยนายมนัส สุดพวง ผอ.โครงการชลประทานสมุทรสงคราม, นายสัจจา พุกสุขสกุล โยธาธิการและผังเมือง จ.สมุทรสงคราม, นายวงเทพ เขมวิรัตน์ นายอำเภออัมพวาและนายมนัส พยนต์ยิ้ม นายก อบต.ยี่สารและเจ้าหน้าที่ทหารจากจังหวัดทหารบกราชบุรีได้เดินทางโดยรถยนต์ลงพื้นที่ไปสำรวจ พื้นที่ทุ่งหิน ในหมู่ 3 บ้านต้นลำแพน ต.ยี่สาร อ.อัมพวา พบว่ามีชาวบ้านขุดบ่อเลี้ยงปลาและเลี้ยงกุ้งเต็มพื้นที่จริง ดังนั้นตนจึงมอบให้สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสงครามไปคัดสำเนาคดีดำและคดีแดง ที่ศาลปกครองสูงสุดกรณีมีคำสั่งยกฟ้องไปแล้วเพื่อมาประกอบการพิจารณา อีกทั้งขอให้สำนักงานที่ดินจังหวัดทำหนังสือแจ้งไปยังผู้บุกรุกว่าได้กระทำความผิดอย่างไร นอกจากนี้ยังมอบให้นายอำเภออัมพวาทำหนังสือแจ้งไปยังผู้บุกรุกที่ยังไม่ยินยอมออกจากพื้นที่จำนวน 24 รายให้ย้ายออกภายในเดือนกรกฎาคม 2559 โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น
ด้านนายมนตรี มงคลประสิทธิ์ ชาวสมุทรสาครกล่าวว่า ตนทำบ่อกุ้งปูทะเลกว่า 60 ไร่ มานาน 7 ปีแล้ว โดยเสียค่าเช่า 500 บาทต่อปีและต้องเสี่ยงกับการทำประมงแบบธรรมชาติ หากสภาพน้ำดีก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ปีนี้มีน้ำเสียทำให้ยังไม่ได้ทุนคืน หากทางราชการให้เวลา 7 เดือนให้พวกตนย้ายออกจากพื้นที่ ตนคิดว่าน้อยไปเพราะกว่าตนจะหาที่ทำกินได้ใหม่ค่อนข้างยาก แต่หากภาครัฐขีดเส้นตายภายในเดือนกรกฎาคม 2559 ตนก็จำเป็นต้องออกจากพื้นที่ และยืนยันว่าไม่ได้ดื้อรั้นแต่ต้องขอเวลาในการหาที่ทำกินใหม่ ซึ่งตนไม่ได้เรียกร้องค่าชดเชยและยินดีที่จังหวัดจะนำพื้นที่ดังกล่าวไปทำแก้มลิงเก็บกักน้ำ
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ