เว็บไซต์ฟอร์บส์ไทยแลนด์ เปิดเผยข้อมูลสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถือครองที่ดินกว่า 41,000 ไร่ โดยที่ดินส่วนใหญ่ถูกกระจายออกไปสู่กับ ผู้เช่าเชิงพาณิชย์, หน่วนงานราชการและรัฐวิสาหกิจ และผู้เช่ารายย่อย ด้าน บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เปิดเผยว่า สนง.ทรัพย์สินฯ ได้ทำ MOU พิจารณาให้ LPN เข้าพัฒนาพื้นที่เช่าซอยไผ่สิงโตทำคอนโดมูลค่า 260 ล้านบาท
(ที่มาภาพ: ฟอร์บส์ไทยแลนด์)
23 เม.ย. 2558 เว็บไซต์ฟอร์บส์ไทยแลนด์ เปิดเผยข้อมูลเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2558 ที่ผ่านมาว่าสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถือครองที่ดินกว่า 41,000 ไร่ โดยที่ดินส่วนใหญ่ถูกกระจายออกไปสู่กับ ผู้เช่าเชิงพาณิชย์, หน่วนงานราชการและรัฐวิสาหกิจ และ ผู้เช่ารายย่อย
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2558 ที่ผ่านมาสำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานว่า บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เปิดเผยว่า สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์พิจารณาว่า LPN ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยดำเนินการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยอาคารชุดเป็นหลักมาเป็นเวลา 26 ปี กว่า 120 โครงการ 300 อาคาร บนพื้นที่กว่า 5.0 ล้านตารางเมตร และดูแลผู้อยู่อาศัยกว่า 90,000 กว่าครอบครัว 180,000 คน ภายใต้แนวทาง “ชุมชนน่าอยู่" ที่เน้นคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของสานักงานทรัพย์สินในการพัฒนาชุมชน เพื่อให้ ผู้ที่อาศัยในชุมชนมีคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดี จึงได้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สินบริเวณซอยไผ่สิงโต
ทั้งนี้ สำนักงานทรัพย์สินฯ ให้บริษัททำการศึกษาและนำเสนอแนวทางในการพัฒนาภายใต้กรอบแนวคิดของสานักงานทรัพย์สิน และได้บทสรุปร่วมกันดังนี้ 1. แนวทางการพัฒนา คือ การพัฒนาโครงการนี้ภายใต้กลุ่มเป้าหมายสำคัญ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้อยู่อาศัยเดิมในพื้นที่ (Supportive Residence) และกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั่วไปที่ประกอบอาชีพในเมือง (Commercial Residence)
2. แนวทางการออกแบบ คือ การเสนอการออกแบบเพื่อตอบโจทย์ “ชุมชนน่าอยู่" โดยออกแบบพื้นที่ส่วนห้องพักบุคคลในขนาดที่เหมาะสมและตรงต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมายหลัก ผสมผสานกับการออกแบบสิ่งอานวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางที่เหมาะสมและหลากหลายสำหรับการใช้ชีวิตร่วมกัน เพื่อลดปัญหาการอยู่อาศัยร่วมกัน ในระยะยาว
3. แนวทางการบริหารโครงการ คือ การบริหารโดยเชื่อมโยงกับแนวคิดหลักของบริษัท “ชุมชนน่าอยู่" ที่มุ่งเน้นคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัย ตั้งแต่เริ่มต้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ ดำเนินการสื่อสาร การก่อสร้าง การส่งมอบไปจนถึงการดูแลคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยหลังจากการเข้าอยู่อาศัย การบริหารจัดการจึงต้องดำเนินการภายใต้บุคลากรภายในองค์กรที่ได้รับการปลูกฝังแนวทางของคุณภาพค่าบริการในทุกๆ กระบวนการ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ถึงปัจจุบันของการดูแลชุมชน
ดังนั้น จากบทสรุปดังกล่าวข้างต้น สำนักงานทรัพย์สินและบริษัทจึงได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันในการพัฒนาที่ดินบริเวณชุมชนไผ่สิงโต เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 95.26 ตารางวา ที่ตั้งตำบลคลองเตย อำเภอคลองเตย กรุงเทพมหานคร รูปแบบของกรรมสิทธิ์เป็นการเช่าที่ดินจากสานักงานทรัพย์สินมีกาหนดระยะยาว 30 ปี โดยเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการเช่าทรัพย์สินบนที่ดินดังกล่าวจะตกเป็นทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สิน บริษัทจะพัฒนาโครงการอาคารชุดพักอาศัย จำนวน 1 อาคาร สูง 8 ชั้น จำนวนยูนิต ประมาณ 190 ยูนิต มูลค่าของโครงการรวม ประมาณ 260,000,000 บาท
บริษัทจะดำเนินการขายห้องกรรมสิทธิ์การเช่าห้องชุดในโครงการภายใต้การร่วมกำกับด้านราคาขายและการร่วมกันบริหารจัดการชุมชนจากสำนักงานทรัพย์สิน โดยประมาณรายได้จากการขาย 260,000,000 บาท
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ