เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2558 ทีผ่านมา มีรายงานข่าวว่า ชุดปฏิบัติการทหารพรานของกรมทหารพรานที่ 36 อำเภอแม่สะเรียง ได้ตรวจยึดและจับกุมแพไม้สักที่ลอยตามลำน้ำสาละวินมาติดฝั่งใกล้หมู่บ้านสบเมย ตำบลแม่สามแลบ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

จากการตรวจสอบพบว่าแพดังกล่าวใช้ไม้ไผ่เป็นส่วนประกอบผูกยึดท่อนไม้สักจำนวน 56 ท่อนไว้ด้วยกัน โดยเจ้าหน้าที่ไม่พบผู้กระทำความผิด ซึ่งในเบื้องต้นได้นำแพไม้สักท่อนดังกล่าวไปเก็บรักษาไว้ที่ท่าเรือบ้านสบเมย และได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ดำเนินการชัดลากและตรวจยึดเพื่อส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สบเมยหาตัวผู้กระทำผิด และรายงานให้นายสุรพล พนัสอำพล ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทราบแล้ว

ขณะเดียวกันเมื่อเช้าวันที่ 25 มกราคม ที่ห้องสมุดบ้านแม่สามแลบ พอ.สุจินต์ ทรัพย์สิน ผู้บัญชาการกรมทหารพรานที่ 36 ได้เชิญผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่ในตำบลแม่สามแลบ พร้อมทั้งฝ่ายปกครอง หัวหน้าอุทยานฯและป่าไม้ ร่วมหารือเพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้ในป่าสาละวิน โดยพอ.สุจินต์ได้เล่าให้ที่ประชุมฟังว่าขณะนี้มีการส่งกองกำลังจากข้างนอกเข้ามาเสริมเพื่อช่วยเหลือดูแลป่าสาละวิน ทั้งจากทหารราบและกองกำลังนเรศวร

“การที่ชาวบ้านเอาไม้มาปลูกบ้านนั้น ไม่มีปัญหา แต่ขออย่าให้เป็นการปลูกบ้านอำพรางเพื่อเอาไม้ไปขาย และไม่อยากให้ใช้ไม้สักเพราะเหลือน้อยเต็มที แต่ควรเอาไม้อื่นๆที่ล้มโค่นอยู่ในป่า” ผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่ง ถ่ายทอดคำพูดของพอ.สุจินต์

พอ.สุจินต์ ทรัพย์สิน ผบ.กรม ทพ.36 เชิญผู้ใหญ่บ้านตำบลแม่สามแลบร่วมประชุมโดยผู้ใหญ่บ้านรายเดิมกล่าวว่า ในที่ประชุมบรรดาผู้ใหญ่บ้านยังไม่ค่อยมีใครกล้าเสนอหรือเล่าข้อเท็จจริงให้พอ.สุจินต์ทราบ เพราะพอ.สุจินต์มาใหม่ จึงไม่ทราบว่าจะมีความจริงจังแค่ไหนและมีที่มาที่ไปอย่างไร ขณะเดียวกันในการเรียกประชุมวงใหญ่เช่นนี้ ไม่รู้ว่ามีสายของขบวนการลักลอบตัดไม้แฝงตัวอยู่ด้วยหรือไม่

“จริงๆแล้วผมอยากจะเล่าข้อเท็จจริงมากมายให้ท่านทราบ แต่ไม่กล้า ทุกวันนี้ขบวนการลักลอบตัดไม้สักในสาละวินยังคงตัดไม้กันอยู่ทุกคืน แพไม้สักที่จับได้ครั้งนี้ก็เพราะลอยไปติดฝั่งและพวกตัดไม้ลากลงไม่ไหว จนเช้าทำให้ทหารพรานไปเจอเข้า ซึ่งอีกนิดเดียวเขาก็จะล่องข้ามไปฝั่งพม่าได้แล้ว” ผู้ใหญ่บ้านรายนี้ กล่าว

ผู้ใหญ่บ้านรายนี้กล่าวว่า อีกสาเหตุหนึ่งที่ผู้ใหญ่บ้านหลายคนไม่กล้าแจ้งให้พอ.สุจินต์ทราบ เพราะก่อนหน้านี้สมัยที่ผู้บัญชาการทหารพรานคนเดิมยังอยู่ เครือข่ายชาวบ้านเคยร่วมกันทำหนังสือส่งไปถึงผู้ใหญ่ของแต่ละหน่วยงานโดยเสนอแนะมาตรการต่างๆ เช่น ให้มีการตั้งจุดสกัดกั้นตามลำน้ำสาละวิน โดยเฉพาะจุดสุดท้ายก่อนที่แม่น้ำสาละวินจะไหลเข้าพม่าที่บ้านสบเมย เพื่อไม่ให้การลักลอบขนไม้สักที่ล่องมาตามลำน้ำได้อย่างสะดวกเหมือนทุกวันนี้ แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ

“ขณะนี้ไม้สักส่วนใหญ่ถูกตัดออกไปจากแปลงสวนป่าที่อยู่ใกล้บ้านสบเมย สังเกตได้จากมีลำต้นที่ไม่ใหญ่มากนักและขนาดเท่ากัน แต่บริเวณนั้นไม่เคยมีเข้าไปตรวจสอบ ทั้งๆที่เราแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหลายครั้งแล้ว ทราบว่าทั้งอุทยานฯ และป่าไม้ต่างก็เกี่ยงกัน ไม่มีใครรับเป็นเจ้าภาพ” ผู้ใหญ่บ้านรายเดิมกล่าว

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์

www.facebook.com/tcijthai