โรงงานยาสูบประกาศปรับขึ้นภาษีสุราและยาสูบเพื่อสมทบเข้ากองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติใช้สนับสนุน ส่งเสริมกีฬาต่าง ๆไม่ต้องเข้าคลัง ส่งผลให้ราคาเหล้า เบียร์ บุหรี่ขยับราคาขึ้นอีก 1-3 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคมนี้เป็นต้นไป
28 มี.ค. 2558 สำนักข่าวไทยรายงานว่ารายงานว่าหลังจาก พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย 2558 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา โดยกำหนดให้นำเงินจากการจัดเก็บภาษีสุราและยาสูบส่งเข้าสมทบ “กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ” เพื่อใช้ในการสนับสนุน ส่งเสริมกีฬาประเภทต่าง ๆ โดยไม่ต้องนำส่งเข้าคลัง เหมือนกับการนำส่งเข้ากองทุน สสส.และไทยพีบีเอส โดยให้กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรนำส่งเข้ากองทุน
นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ กรรมการอำนวยการ ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ กล่าวว่า ในวันที่ 27 มีนาคม โรงงานยาสูบได้ประกาศราคาขายส่งบุหรี่หน้าโรงงานผลิตใหม่ทั้งหมด หลังจากกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ ทำให้โรงงานต้องนำส่งเงินให้กองทุนถึงปีละ 1,100 ล้านบาท โดยการปรับราคาขายส่งใหม่ครั้งนี้ ทำให้ราคาบุหรี่เพิ่มขึ้นซองละ 1-2 บาท โดยบุหรี่ยี่ห้อดังเพิ่มราคา 2 บาท ส่วนบางยี่ห้อ ซึ่งกำลังออกใหม่เพื่อแข่งขันกับบุหรี่จากต่างประเทศ และเริ่มได้รับความนิยมมักจะไม่ปรับเพิ่มราคา
ทั้งนี้ ในช่วง 1-2 วันนี้อาจยังไม่ปรับราคา เพราะยังเป็นสตอกสินค้าเดิมที่เสียภาษีอัตราเดิม แต่ร้านค้าโชห่วยรายย่อยบางรายอาจฉวยปรับราคาทันที เพราะไม่สามารถตรวจสอบและแยกแยะได้ว่าเป็นบุหรี่สตอกเก่าหรือใหม่ อีกด้านหนึ่งมองว่าเมื่อราคาแพงขึ้นอาจทำให้มีผู้ลดจำนวนการสูบลงหรือหันไปสูบบุหรี่ที่ถูกกว่าแทน ส่งผลให้รายได้และกำไรของโรงงานอาจลดลงตามไปด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบร้านสะดวกซื้อพบว่าวันนี้ (27 มี.ค.) ยังมีการจำหน่ายสินค้าบุหรี่และสุราราคาเดิม โดยส่วนของบุหรี่จำกัดให้ซื้อได้เพียงคนละ 2 ซองเท่านั้น เพราะเกรงว่าจะซื้อไว้กักตุน และทำให้สินค้าขาดตลาด ร้านค้าปลีกเตรียมราคาใหม่ในเร็ว ๆ นี้
นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ พร้อมนายชูวิทย์ จันทรัตน์เลขานุการเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์และแกนนำเครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพมหานคร เข้ายื่นหนังสือต่อนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เพื่อเรียกร้องให้งดออกใบอนุญาตขายสุราช่วง 7 วันอันตรายสงกรานต์และให้เพิกถอนใบอนุญาตขายสุรากับร้านที่ทำผิดกฎหมายซ้ำซากโดยเฉพาะความผิดที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน พร้อมทั้งนำประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับใหม่ว่าด้วยการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางจราจรและทางเดินเท้าห้ามขายเครื่องดื่มบนรถไฟและสถานีรถไฟในสถานีขนส่งผู้โดยสารและท่าเรือโดยสารมามอบให้ เพื่อขอให้เร่งประชาสัมพันธ์และบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว
รายงานข่าวระบุว่าจกการปรับขึ้นภาษีสุรา เบียร์และยาสูบตามอีก 2%จากฐานภาษีเดิมนั้น จะทำให้ราคาของสินค้าดังกล่าวขยับขึ้นตามไปด้วย แต่ไม่มากนัก เช่น บุหรี่ไทยอยู่ที่ 1-3 ซองบาทต่อซอง บุหรี่นอกอาจจะแพงกว่านี้จามฐานของภาษีเดิม ส่วนเบียร์ปรับเพิ่มขึ้นไม่ถึงกระป๋องละ 1 บาท แล้วแต่ยี่ห้อ อย่างเบียร์ไทยอยู่ 0.47 บาทเบียร์นอกอยู่ที่ 0.60 บาท ส่วนสุราขาวราคาจะเพิ่มขึ้น 0.79 บาท และสุราสีของไทยจะปรับขึ้นขวดละ 2.20 บาทาไปจนถึง 3.26 บาท ส่วนสุราต่างประเทศยี่ห้อดัง จะปรับขึ้นถึงขวดละ 5.23 บาทและ 8.49 บาท
ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตได้สอบถามถึงราคาขายปลีกพบว่าล่าสุดผู้ประกอบการยังไม่ปรับราคาขายปลีกขึ้น โดยสุราขายยังอยู่ที่ขวดละ 99 บาท และเบียร์ยังคงขายในราคาเดิม จะมีเพียงสุราต่างประเทศที่ปรับราคาขายปลีกขึ้นขวดละ 10 บาทและ 20 บาท ส่านหนึ่งเป็นเพราะยังมีสต็อกสินค้าเดิมเหลืออยู่มากน่าจะประมาร 1 สัปดาห์กว่าจะเป็นสินค้าราคาใหม่ อีกทั้งเป็นเรื่องของการแข่งขันทางการตลาดที่ผู้ประกอบการรับภาระไว้เองไม่ผลักไปผู้บริโภคแต่หากจะปรับราคาขายปลีกจริงส่วนของเบียร์ก็ไม่น่าจะเกินกระป๋องละ 1 บาท สุราไทยอาจขึ้นที่ 2-3 บาทต่อขวด
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ