สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานเผยผลการศึกษาพบว่านักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 1 ล้านคน ส่งผลต่อการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.10 และการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.05 (ที่มาภาพ: bangkok.com)
6 มิ.ย. 2559 สำนักข่าวไทย รายงานว่านายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ภาคการท่องเที่ยวได้มีส่วนสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม (มพส.) จึงได้ทำการศึกษาถึงผลกระทบของการท่องเที่ยวที่มีต่อความต้องการใช้พลังงานของประเทศ ทั้งด้านการใช้จ่ายและการใช้พลังงานของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาพักค้างในประเทศไทย
พบว่าในปี 2558 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศ 29.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.4 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มีการใช้จ่ายเงิน 1,447,158 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.4 เป็นการใช้จ่ายสำหรับค่าโรงแรมและที่พักร้อยละ 26.2 ค่าอาหารและเครื่องดื่มร้อยละ 22.5 ค่ารถโดยสารและการเดินทางร้อยละ 5.3 เป็นต้น จึงได้ใช้ไฟฟ้าเพื่อแสงสว่างและเครื่องปรับอากาศในโรงแรมและที่พัก การใช้พลังงานประเภทแก๊สหุงต้มและไฟฟ้าจากการบริโภคอาหารและเครื่องดื่ม และการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากการเดินทางในรูปแบบต่าง ๆ
โดยพบว่ากรณีที่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศทุก 1 ล้านคน จะมีผลทำให้ความต้องการพลังงานประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง (Petroleum Refineries) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.05 เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา ในขณะที่ความต้องการพลังงานประเภทไฟฟ้าและแก๊ส (Electricity and Gas) เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.10 นอกจากนี้เมื่อศึกษาลงไปในช่วงฤดูท่องเที่ยว (High Season) เดือนธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา ได้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทย 2.99 ล้านคน มีความต้องการพลังงานประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยทั้งเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.15 และพลังงานประเภทไฟฟ้าและแก๊สเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.3 โดยความต้องการใช้พลังงานของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ซึ่งมีอัตราเพิ่มเป็น 2 เท่าของความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง จึงต้องนำผลการศึกษาดังกล่าวไปประกอบการวางแผนด้านพลังงานของประเทศที่เหมาะสม
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ