กรมสรรพากรเตรียมดึงผู้ประกอบการค้าทองคำเข้าระบบภาษีผู้ประกอบการรายใหญ่ (LTO) พ.ค.นี้ เพื่อควบคุมระบบเดียวกับธุรกิจขนาดใหญ่ เนื่องจากปัจจุบันการค้าทองคำของร้านค้าส่งและค้าปลีกไม่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากเนื้อทองคำ แต่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากค่ากำเหน็จและการเสียภาษีปัจจุบันเป็นการประเมินต้นทุนคร่าว ๆ (ที่มาภาพประกอบ: bloomberg.com)

11 เม.ย. 2559 สำนักข่าวไทย รายงานว่านายประสงค์  พูนธเนศ  อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมาว่ากรมสรรพากรเตรียมหารือผู้ประกอบการค้าทองคำ ทั้งร้านค้าปลีกและขายส่ง เพื่อดึงเข้ามาอยู่ในระบบภาษีผู้ประกอบการรายใหญ่ (LTO) เพื่อควบคุมดูแลผ่านระบบเดียวกันกับธุรกิจขนาดใหญ่ เนื่องจากปัจจุบันการค้าทองคำของร้านค้าส่งและค้าปลีกไม่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากเนื้อทองคำ แต่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากค่ากำเหน็จและการเสียภาษีปัจจุบันเป็นการประเมินต้นทุนคร่าว ๆ

นายประสงค์กล่าวว่าวันที่ 22 พ.ค. นี้ กรมสรรพากรพร้อมไปชี้แจงผู้ประกอบการร้านค้าทองคำ โดยจะมีทั้งผู้ค้าปลีก ผู้ค้าส่ง ผู้ผลิต ที่ผ่านมาอาจแจ้งภาษีถูกต้องบ้าง ไม่ถูกบ้าง และเคยชินแบบแนวทางเดิม ๆ จึงต้องปรับเข้าสู่ระบบอย่างเป็นมาตรฐาน ดังนั้นปี 2559 จึงเป็นช่วงสนับสนุนให้จัดทำระบบบัญชีอย่างถูกต้อง จากนั้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม  2560 ผู้ค้าทองคำจะเข้าสู่ระบบเป็นมาตรฐานมากขึ้น จากปัจจุบันมีมูลค่าซื้อขายกว่า 200,000 ล้านบาทต่อปี