ราวต้นปี 2559 ภาพยนตร์สัญชาติเอมริกันเรื่องสปอตไลท์ (spotlight) ออกฉายทั่วโลก เนื้อหากล่าวถึงการทำงานของทีมข่าวสืบสวนของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น บอสตันโกลบ เกาะติดเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศของบาทหลวงในศาสนจักรราว 90 คน ต่อผู้เยาว์ ขณะที่องค์กรศาสนามีส่วนรู้เห็นในการปกปิดความผิดและปิดปากเหยื่อ ข่าวสืบสวนชิ้นดังกล่าวเขย่าความศรัทธาต่อสถาบันศาสนาและความเชื่อในจิตใจของศาสนิกชน
ย้อนกลับมาที่ประเทศไทย ข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานพุทธศาสนาระบุว่าในปี 2557 มีจำนวนพระภิกษุทั้งสิ้น 348,429 รูป เฉพาะพระภิกษุมีจำนวน 290,015 รูป แบ่งเป็น มหานิกาย 256,826 รูป และ ธรรมยุติ 33,189 รูป (ดูเพิ่มเติมใน จับตา: จำนวนพระภิกษุและสามเณรในประเทศไทย) แม้จะมีจำนวนพระหลายแสนรูปในประเทศ แต่นั่นไม่ได้เป็นเครื่องการันตรีถึงคุณภาพของวงการผ้าเหลืองไทย การกระทำผิดในทางโลกของพระสงฆ์ ปรากฏให้เห็นอยู่เป็นระลอก ทั้งในสื่อมวลชนต่างๆ และที่แชร์กันสนั่นในโลกออนไลน์ เคียงคู่ไปความศรัทธาและกระแสการยกพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ กรณีที่เป็นข่าวใหญ่อื้อฉาวและยังเป็นที่จดจำ คงหนีไม่พ้นกรณีของวิรพล สุขผล หรืออดีตพระเณรคำ กลายเป็นเรื่องอื้ออึงในวงการผ้าเหลือง เมื่อมีการแพร่ภาพใส่เรแบนด์นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ซ้ำมีภาพเสพเมถุนกับสีกาหลายราย กระทั่งถูกออกหมายจับจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI ในข้อหากระทำชำเราเด็กหญิง เมื่อปี 2556
4 ปี พระก่อเหตุ 117 คดี ข่มขืน ฆ่า ชิงทรัพย์
วิทยานิพนธ์เรื่อง ‘ปัญหาการล่วงละเมิดจริยธรรมของพระภิกษุและสามเณรในสังคมไทย ศึกษาเฉพาะกรณีการก่อคดีทางโลก’ ของ พระปรียะพงษ์ คุณปัญญา เผยแพร่เมื่อปี 2553 พบว่าตั้งแต่ปี 2546-2550 ปรากฏคดีที่พระสงฆ์เป็นผู้ก่อเหตุในหน้าหนังสือพิมพ์รายวันทั้งสิ้น 117 คดี แยกเป็น คดีฆาตกรรม 37 คดี คดีล่วงละเมิดทางเพศ 35 คดี คดีลักทรัพย์ 30 คดี และคดียาเสพติด 15 คดี
พิจารณาเฉพาะคดีล่วงละเมิดทางเพศ หากไม่นับคดีฆาตกรรมที่ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย คดีล่วงละเมิดทางเพศนับเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต่อการรับรู้ โดยเฉพาะผู้กระทำความผิดเป็นผู้ทรงศีล และเหยื่อเป็นผู้เยาว์ จากรายงานวิจัยชิ้นดังกล่าวพบว่า พระสงฆ์ที่ก่อคดีส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 41-60 ปี โดยมากอุปสมบทตั้งแต่ 5 พรรษาขึ้นไป ร้อยละ 37.1 จนถึงพระชั้นปกครองตำแหน่งเจ้าอาวาส ขณะที่เพศของผู้ถูกล่วงละเมิดส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง 34 คดี มีเพียง 3 คดีที่ผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศเป็นเพศชาย โดยที่ส่วนใหญ่เป็นคนสนิทของพระผู้ก่อคดี
สำหรับสาเหตุหลักในการล่วงละเมิดพระวินัย จากผลการศึกษาในงานวิจัยระบุว่า เกิดจากอุปสมบทตามประเพณี กล่าวคือผู้อุปสมบทไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรม การบวชเป็นไปเพียงบวชตามประเพณี ส่งผลให้ระหว่างการจำพรรษาจึงขาดความตั้งใจศึกษาหลักธรรมอย่างแท้จริง นำมาสู่การกระทำความผิดทั้งทางโลกและทางธรรมในหลายกรณี
ละเมิดทางเพศ เรื่องอื้อฉาวที่ไม่เป็นข่าว
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ปรากฏในงานศึกษานั้นมีเพียงเฉพาะกรณีที่เป็นข่าว หรือผู้เสียหายเข้าแจ้งความต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แหล่งข่าวในวงการสงฆ์ทางภาคเหนือรายหนึ่งระบุว่า หลายครั้งการล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้นในกลุ่มพระสงฆ์ด้วยกัน ไม่เป็นข่าว เพราะผู้กระทำผิดเป็นพระชั้นผู้ใหญ่มีอิทธิพล และนับหน้าถือตาในหมู่ชาวพุทธ อีกทั้งหลายกรณีเป็นไปในแบบกึ่งสมยอม หรือประสานประโยชน์ เช่น การยอมมีสัมพันธ์ทางกายด้วยเพื่อแลกกับตำแหน่ง หรือพระชั้นผู้ใหญ่นิยมอุปการะลูกศิษย์วัดหนุ่มหน้าตาดี เพื่อนำไปประกวดประชันกันกับพระที่มีรสนิยมทางเพศแบบเดียวกันในวัดอื่น และหากถูกใจเด็กวัดของอีกฝ่ายก็จะเข้าไปสอบถามว่าไปได้ตัวเด็กหนุ่มคนดังกล่าวมาจากที่ไหน
เสนอเงิน-ชวนมาอยู่วัดแลกสัมพันธ์ทางกาย
ชัย (นามสมติ) หนึ่งในผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ระดับเกจิดังในภาคเหนือ เปิดเผยกับ TCIJ ว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับตนเองนั้นยังไม่รุนแรงถึงขั้นสอดใส่ เป็นเพียงการลูบคลำและชักชวนให้ร่วมมีเพศสัมพันธ์ โดยเสนอข้อแลกเปลี่ยนเป็นตำแหน่งคนใกล้ชิดพร้อมเงินสด ชัยเล่าว่า ขณะนั้นตนกำลังศึกษาประเด็นทางสังคมในพุทธศาสนา จึงเข้าไปคลุกคลีกับพระและกลุ่มลูกศิษย์อยู่เป็นประจำ ชัยไม่ปิดบังถึงรสนิยมทางเพศและลักษณะชอบเพศเดียวกันของตนกับสาธารณะ คืนวันเกิดเหตุเป็นวันงานบุญของทางวัด ชัยตั้งใจนอนค้างที่วัดกับชาวบ้านที่มาช่วยงานเพื่อเก็บข้อมูล ระหว่างนั้นเจ้าอาวาสเข้ามาใกล้และเริ่มโอบกอดสลับกับบีบตามเนื้อตัว คล้ายกับพระอาจารย์เอ็นดูลูกศิษย์ลูกหา แต่ชัยรู้ว่านั่นเป็นสัญญาณแรกของการเกี้ยวพาราสี เพราะได้รับการตักเตือนจากเพื่อนที่เป็นภิกษุในวัยไล่เลี่ยกันถึงรสนิยมทางเพศและพฤติกรรมของเกจิดังรูปนี้ ซึ่งในกลุ่มพระสงฆ์ที่มีรสนิยมรักร่วมเพศจะเรียกพฤติกรรมดังกล่าวว่า “เช็คเด็ก” หมายถึง การเข้าไปบีบจับร่างกายเพื่อดูความกำยำของอีกฝ่าย
หลังการเกี้ยวพาราสีในครั้งแรก เจ้าอาวาสเรียกหาชัยอีกครั้งให้เข้าไปช่วยอำนวยความสะดวกให้ระหว่างสรงน้ำ โดยอ้างว่าสบู่ที่ซื้อมาใหม่บรรจุแน่นยากต่อการใช้ วานให้ชัยเข้าไปช่วยแกะให้ โดยที่ลูกศิษย์รายอื่นหนุนให้รีบเข้าไปในห้องอาบน้ำ โดยระหว่างที่ชัยแกะสบู่ เจ้าอาวาสเริ่มเข้ามาโอบกอดลูบคลำตามร่างกายส่วนบนลดต่ำจนถึงด้านล่าง พร้อมเอ่ยชวนให้มาอยู่ที่วัดหลังเรียนจบ
“ตอนนั้นกลัวและเกร็งมาก ทำอะไรไม่ถูก เขาก็ถามต่อว่าเหนื่อยไหม เหนื่อยอะไร มือก็ลูบไปด้วย เราคิดว่าข้างนอกคนอยู่เยอะ เขาคงไม่ทำอะไรเราในนี้และเพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง ... พอแกะสบู่เสร็จเราก็รีบออกจากห้องน้ำ ตอนนั้นเขาน่าจะรู้ว่าเราไม่เล่นด้วย”
หลังเหตุการณ์ในห้องน้ำ แกจิดังเรียกหาชัยอีกครั้งให้เข้าไปบีบนวดให้ในห้องนอน ชัยยอมตามแต่โดยดีเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีเรื่องเสียหายเกิดขึ้น เนื่องจากยังมีชาวบ้านบางส่วนที่ไม่กลับบ้านในคืนนี้ ระหว่างบีบนวดร่างกาย เจ้าอาวาสเริ่มเชื้อเชิญให้ชัยเข้ามาใกล้ ให้ย้ายจากนั่งด้านล่างขึ้นมานั่งคู่กับตนบนเตียง
“เขาบอกให้เราขึ้นมานั่งใกล้ๆ ให้เริ่มนวดต่ำลงไปข้างล่างเรื่อยๆ แล้วก็ถามย้ำว่า เข้าใจความหมายหรือไม่ที่ว่า จะให้มาอยู่ที่วัดด้วย”
เมื่อเห็นท่าไม่ดีและเจ้าอาวาสหยิบเงินออกมาให้หนึ่งพันบาท แต่ชัยตอบปฏิเสธเป็นนัยถึงการไม่ยอมทำตามข้อตกลง พร้อมกับใช้ข้ออ้างว่าฝากสัตว์เลี้ยงไว้ที่โรงแรมจำเป็นต้องกลับออกไปเพื่อดูแลสัตว์เลี้ยง เรื่องราวจึงลงเอยอยู่เพียงการลวนลามทางร่างกาย
กรณีของชัย เพราะไหวพริบและสติทำให้สามารถเอาตัวรอดจากการถูกละเมิดทางเพศโดยเกจิดังมาได้ ในหลายกรณีกว่าจะเป็นที่รับรู้เหยื่อก็ถูกละเมิดทางเพศไปแล้ว
สถาบันสงฆ์ จึงไม่ต่างไปจากสถาบันทางสังคมอื่นๆ ที่จำเป็นต้องถูกตรวจสอบและสะสาง
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ