ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียเผยแพร่รายงานระบุเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รับผลจากโลกร้อนมากที่สุดในโลก คาด GDP ประเทศลดลงถึงร้อยละ 11 ภายใน 84 ปี (แหล่งที่มาภาพจาก: aseanwatch)

13 ก.พ.59 เว็บไซต์aseanwatch รายงานเมื่อเร็วๆนี้ว่า ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ตีพิมพ์รายงานฉบับใหม่ “Southeast Asia and the Economics of Global Climate Stabilization” ระบุว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่จะได้รับผลกระทบด้านลบจากภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือที่มักเรียกอย่างย่อๆ ว่า ภาวะโลกร้อน มากกว่าพื้นที่ใดในโลก

รายงานดังกล่าววิเคราะห์ว่า หากอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังอยู่ในระดับที่สูงเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะส่งผลให้ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคต้องเผชิญกับผลกระทบด้านลบ อันได้แก่ ผลกระทบที่เกิดกับภาคเกษตรกรรม การท่องเที่ยว ความต้องการพลังงาน ผลิตภาพแรงงาน ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติ สุขภาพ รวมถึงระบบนิเวศ รวมทั้งยังส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศในภูมิภาคลดลงถึงร้อยละ 11 ภายในปี 2643

นับตั้งแต่ปี 2533 เป็นต้นมา อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มสูงขึ้นเร็วที่สุดในโลก ขณะเดียวกัน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่าร้อยละ 90 มีที่มาจาก 5 ประเทศหลัก ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม

อนึ่ง รายงานฉบับเดียวกันนี้ยังเสนอว่า การแก้ไขปัญหาในระยะสั้นและระยะกลางทำได้โดยการลดการตัดไม้ทำลายป่าให้มากที่สุด ขณะที่การแก้ไขปัญหาในระยะยาว ต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีไปสู่การใช้เทคโนโลยีพลังงานคอร์บอนต่ำและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว (Green Infrastructure) อันเป็นรากฐานของการพัฒนาโดยคำนึงถึงการอยู่ร่วมกับธรรมชาติและสภาพแวดล้อมในอนาคต

ดาว์โหลดรายงานฉบับเต็ม