แรงงาน "ขาดแคลน-กระจุกตัว-ไร้ฝีมือ" ยังคงเป็นปัญหาหลักหลังเปิด AEC / อาเซียนมีจำนวนประชากรใกล้เคียงกับภาคพื้นทวีปยุโรป แต่มีขนาดที่ดินแค่ครึ่งเดียว และมีทรัพย์สินแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้นเมื่อเทียบกัน แม้อาเซียนจะประกอบด้วย 10 ประเทศที่มีความมั่งคั่งด้านวัฒนธรรม ภาษา และชาติพันธุ์ แต่ชีวิตของผู้คนในอาเซียนกลับมีความแตกต่างเป็นอย่างมาก พื้นที่ชายแดนในสมัยก่อนไม่ได้ถูกครอบงำโดยรัฐ เป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ไม่ได้เชื่อมโยงตัวเองกับรัฐใดรัฐหนึ่ง เนื่องจากอำนาจรัฐมักเข้าไม่ถึงหรือไม่มีสามารถมีอำนาจเบ็ดเสร็จได้ เงื่อนไขลักษณะชายแดนเช่นนี้จึงกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนของผู้คน สินค้า หรือข้อมูล ในขณะที่รัฐบาลมีความพยายามในการเพิ่มการสอดส่อง เพื่อต้องการกำกับดูแลกิจกรรมบริเวณชายแดนตลอดมา แต่การเปลี่ยนแปลงในปี 2015 ที่มีการจัดตั้งชุมชนเศรษฐกิจอาเซียนเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการสร้างจุดร่วมของภูมิภาคอย่างเต็มที่ แม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คิดเป็นอันดับสองรองจากประเทศจีน โดยอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นกว่า 300% แต่อย่างไรก็ตามความไม่มั่นคงของชีวิตผู้คนในภูมิภาคก็เป็นผลผลิตที่สำคัญจากความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่นี้ พื้นที่ชายแดนที่ยืดหยุ่นกำลังหดหายไป ทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นหลายครั้ง รวมถึงปัญหาการกระจุกตัวของแรงงาน ไม่ว่าประเทศที่มั่งคั่งใน AEC จะพัฒนาไปเพียงใด แต่หากไม่ช่วยกับขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของทั้งภูมิภาค ปัญหาของแรงงานที่มีจำนวนมากเกินความต้องการในบางพื้นที่ แต่กลับขาดแคลนในบางพื้นที่ รวมถึงปัญหาแรงงานไร้คุณภาพไม่ได้รับการพัฒนา ซึ่งอาจส่งผลต่อบรรยากาศทำงานโดยรวมของแรงงานทุกระดับ ลิงค์ข่าว
สิงคโปร์
ผู้ติดเชื้อไวรัสซิกาในสิงคโปร์เพิ่มจำนวนเป็น 333 ราย / ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานับตั้งแต่ได้พบผู้ติดเชื้อไวรัสซิการายแรกที่สิงค์โปร์ จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสซิกาเพิ่มขึ้นเป็น 333 รายแล้ว ด้านผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องระบุว่า เนื่องจากเชื้อไวรัสซิกาซึ่งมีวิธีการแพร่กระจายโดยผ่านยุงลายนั้นได้ปักหลักแพร่เชื้อที่สิงคโปร์แล้ว ดังนั้นแม้ว่าจะดำเนินการฉีดพ่นยากำจัดในทั่วทั้งสิงค์โปร์แล้วก็ตาม ก็ยากจะป้องกันการแพร่ระบาดมาจากเขตแคว้นอื่นๆ ผู้เชื่ยวชาญกล่าวเสริมว่า "จริงๆแล้ว เชื้อไวรัสซิกาจะนำพาความเสี่ยงมาให้ไม่ค่อยสูง ดังนั้นไม่ต้องวิตกกังวลมากเกินไป แต่ยังต้องใช้มาตรการกำจัดยุงลาย และป้องกันความเสี่ยงอย่างเข้มงวด" ลิงค์ข่าว
จำนวนผู้ตั้งครรภ์ที่ติดไวรัสซิกาในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นอีก 8 ราย / กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ประกาศว่า จนถึงเวลา 12.00 น.วันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา มีผู้ติดไวรัสซิกาภายในประเทศได้เพิ่มอีก 11 ราย ยอดจำนวนผู้ติดไวรัสซิกาเพิ่มขึ้นเป็น 329 ราย โดยมีหญิงตั้งครรภ์ติดไวรัสซิกา 8 ราย เนื่องด้วยไวรัสซิกามีผลกระทบต่อหญิงตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก อาจทำให้หญิงตั้งครรภ์ให้กำเนิดลูกที่มีโรคศีรษะเล็ก ดังนั้นสิงคโปร์จึงให้ความสำคัญต่อหญิงตั้งครรภ์ติดไวรัสซิกาเป็นอย่างยิ่ง โดยการติดตามสภาพหญิงตั้งครรภ์ที่ติดไวรัสซิกาอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา สิงคโปร์ได้พบผู้ติดไวรัสซิการายแรก จนถึงขณะนี้สิงคโปร์มีพื้นที่ระบาดรวมแล้ว 7 แห่ง ซึ่งในจำนวน 11 คนที่ติดไวรัสซิกาเพิ่มใหม่นี้ มีคนหนึ่งเกี่ยวข้องกับพื้นที่ระบาดดังกล่าว อีก 10 คนไม่ได้เกี่ยวข้องกับพื้นที่ระบาดทั้ง 7 แห่งดังกล่าว ลิงค์ข่าว
Jokowi ไฟเขียวประหารชีวิตผู้ต้องหายาเสพติดฟิลิปปินส์ หลังเจรจา Durterte ไม่สำเร็จ / ไม่มีใครทราบว่าประธานาธิบดี Rodrigo Duterte ของฟิลิปปินส์ได้ติดต่อพูดคุยกับ ประธานาธิบดี Joko Widodo เพื่อขอร้องให้ละเว้นการประหารชีวิตนาง Mary Jane Veloso นักโทษหญิงชาวฟิลิปปินส์ ในเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ล่าสุดประธานาธิบดี Jokowi แถลงว่ากำลังเตรียมการประหารชีวิตผู้ต้องหาคดียาเสพติดหลังจากได้รับการเว้นโทษประหารชีวิตแล้วถึงสองครั้ง โดยการอนุญาตให้สั่งประหารชีวิตผู้ต้องหาคนดังกล่าว เพื่อรักษาเยียวยาบ้านเมืองที่กำลังเผชิญปัญหายาเสพติด ซึ่งจากสถิติมีการยืนยันว่ายาเสพติดคร่าชีวิตประมาณ 50 คนต่อวันในอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนให้ความเห็นว่า Jokowi นิยมชมชอบการลงโทษด้วยการประหารชีวิต เพราะเชื่อว่าโทษประหารชีวิตสามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดและปัญหาอื่นๆ ในสังคมได้ ลิงค์ข่าว
ฟิลิปปินส์
ปธน.ฟิลิปปินส์สั่งกองกำลังสหรัฐฯ ออกจากมินดาเนา / นายโรดริโก ดูเตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์สั่งให้กองกำลังพิเศษสหรัฐอเมริกาถอนกำลังออกจากพื้นที่บริเวณเกาะมินดาเนา ทางภาคใต้ฟิลิปปินส์ โดยทหารเหล่านี้เป็นที่ปรึกษาด้านการทหารในการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายของฟิลิปปินส์มาโดยตลอด พร้อมกันนี้นายดูเตร์เตได้โชว์ข้อมูลภาพและตัวอักษรเกี่ยวกับการที่สหรัฐฯสังหารชาวมุสลิมในยุคอาณานิคม และใช้เหตุผลนี้สั่งให้ทหารสหรัฐฯออกจากฟิลิปปินส์ โดยเขาเห็นว่า การที่ฟิลิปปินส์วุ่นวายทุกวันนี้เพราะเป็นพันธมิตรกับตะวันตก และกล่าวเพิ่มว่า "หากเรายังอยู่กับสหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ก็จะไม่มีความสงบแน่นอน" ลิงค์ข่าว
รมต.ฟิลิปปินส์กร้าวอเมริกาไม่ต้องสอนเรื่องสิทธิมนุษยชน / รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ Perfecto Yasay แถลงที่ในกรุงวอชิงตัน สถาบันวิจัยด้านนโยบาย Center for Strategic and International Studies เพื่อบอกกับสหรัฐอเมริกาว่าแม้เราจะยึดมั่นในพันธะที่จะเป็นมิตรกับอเมริกาในระยะยาว แต่จะไม่ยอมให้ใครมาสอนเรื่องสิทธิมนุษยชน และจะไม่ยอมให้ฟิลิปปินส์ถูกปฏิบัติราวกับเป็น “น้องของสหรัฐฯ” ในเอเชีย พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศให้เกียรติซึ่งกันและกัน ด้านโฆษกทำเนียบขาว Josh Earnest ตอบกลับวันเดียวกันว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าเรื่องสิทธิมนุษยชนมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาอเมริกาและฟิลิปปินส์มีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นนัก โดยเริ่มขึ้นหลังจากมีเสียงวิจารณ์ถึงการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดของฟิลิปปินส์ ที่รุนแรงภายใต้นโยบายของประธานาธิบดี Rodrigo Duterte ลิงค์ข่าว
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ