เอาไหม? 'เขตเศรษฐกิจพิเศษ+คาสิโน' ทุนจีนได้-เงินสีเทาโต-ไล่ที่ยกหมู่บ้าน

ทีมข่าว TCIJ : 19 มิ.ย. 2559 | อ่านแล้ว 9714 ครั้ง

ป้ายแนะนำเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ (Golden Triangle Special Economic Zone) ในประเทศลาว (ที่มาภาพ: tomclarkblog.blogspot.com)

'เขตเศรษฐกิจพิเศษ' และ 'คาสิโน' ของลาว

ในรอบไม่กี่ปีมานี้ ลาวมีนโยบายเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น ซึ่งการเปิด 'เขตเศรษฐกิจพิเศษ' (Special Economic Zone: SEZ ) ถือเป็นหนึ่งเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ การผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเป็นรูปธรรมของลาวเริ่มขึ้นเมื่อปี 2543  ที่ได้มีจัดตั้ง 'เขตเศรษฐกิจพิเศษสะหวัน-เซโน'  ที่แขวงสะหวันนะเขต ตรงข้ามกับ จ.มุกดาหาร เป็นแห่งแรก หลังจากนั้นรัฐบาลลาวได้ผลักดันให้เกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ปัจจุบันมีแล้ว 10 แห่ง เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ 3 แห่ง กับเขตเศรษฐกิจเฉพาะอีก 7 แห่ง โดยตั้งเป้าจะให้มี 41 แห่งภายในปี 2563

สำหรับธุรกิจการพนันที่มาพร้อมกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว พบประเด็นที่น่าสนใจคือลาวยอมให้เปิดคาสิโนใหม่ ๆ ได้เฉพาะภายในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเท่านั้น โดยคาสิโนในเขตเศรษฐกิจพิเศษของลาวนั้นเคยมีอยู่ 3 แห่ง ปิดไปแล้ว 1  แห่ง เหลืออีก 2 แห่ง คือ คาสิโน ‘สะหวันเวกัส’ (Savan Vegas Hotel & Casino) ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสะหวัน-เซโน เปิดปี 2552 และ คาสิโน ‘คิงส์โรมัน’ (Kings Roman) ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ เปิดปี 2552 (ส่วนคาสิโนแห่งแรกและแห่งเดียวของลาวที่ไม่ได้อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษคือ 'คาสิโนแดนสวรรค์น้ำงึม')

ดร.ณัฐกร วิทิตานนท์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ผู้ทำการศึกษาเรื่องคาสิโนในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนลาว-ไทย  โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการวิจัยจากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ได้ให้ข้อมูลกับ TCIJ ถึงความน่าสนใจของการเกิดขึ้นของคาสิโน 'คิงส์โรมัน' ที่ตั้งใน ‘เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ’ (Golden Triangle Special Economic Zone) เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว บริเวณฝั่งตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ว่าเป็นคาสิโนขนาดใหญ่และมีแหล่งบันเทิงครบวงจร ไมว่าจะเป็นโรงแรม ย่านที่พักอาศัยเฉพาะอย่างยิ่งกับย่านไชน่าทาวน์ เรียกได้ว่าเป็นคาสิโนรีสอร์ทเต็มรูปแบบ โดยโครงการนี้ดำเนินการโดย ‘กลุ่มทุนดอกงิ้วคำ’ เอกชนจีนที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลลาวในการเช่าพื้นที่ระยะยาวเป็นเวลา 99 ปี เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้แม้จะมีมุมมองที่ว่าคาสิโนขนาดใหญ่ใกล้ชายแดนลาว-ไทย แห่งนี้ น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนให้เติบโตยิ่งขึ้น เกิดแหล่งสร้างงานขนาดใหญ่ ทั้งไทยและลาวจะได้รับผลประโยชน์ทางการท่องเที่ยวร่วมกัน แต่เมื่อได้ทำการศึกษาอย่างจริงจังแล้ว  กลับพบว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น ผู้เล่นที่สำคัญไม่ได้มีแค่ไทยและลาว แต่กลับมีตัวละครที่สำคัญอย่าง ‘จีน’ เข้ามามีบทบาทและได้รับผลประโยชน์ไปอย่างมหาศาล

ข้อสังเกตที่สำคัญของคาสิโนเกือบทุกแห่งที่ตั้งอยู่ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษของลาวนั้น คือเอื้อให้สามารถลงทุนได้อย่างรอบด้านครบวงจร ซึ่งคาสิโนทุกแห่งในลาวล้วนแล้วแต่เป็นของกลุ่มทุนจากจีนทั้งสิ้น และคาสิโนแทบทั้งหมดมักตั้งอยู่บริเวณชายแดน เนื่องจากหวังกลุ่มลูกค้าใหญ่จากประเทศเพื่อนบ้าน ผลกระทบด้านลบนั้นไม่เพียงจะสร้างปัญหาให้กับกลุ่มคนที่เล่นการพนันชาวลาวและไทยเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมอีกด้วย

การเข้ามาของ ‘ทุนจีน’ มักจะมาพร้อมกับ ‘กระแสจีนภิวัฒน์’ เสมอ ตัวอย่างเช่นเขตเศรษฐกิจในแขวงบ่อแก้วของลาวนั้น ข้อมูลที่ทำการศึกษาโดย ศาสตราจารย์ ดร.ยศ สันตสมบัติ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่าการลงทุนในแขวงบ่อแก้วส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 76 คือการลงทุนของจีน แม้การเข้ามามีบทบาทของจีนในลาวจะใช้โครงการพัฒนาต่าง ๆ เป็นเครื่องมือ  แต่สิ่งที่บริษัทจีนที่ได้รับสัมปทานเหล่านั้นนำมาด้วย ไม่ใช่แค่ทุน แต่ยังรวมถึงแรงงานและวัสดุอุปกรณ์จากจีน ทำให้ประเทศผู้ให้สัมปทานได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย ทั้งนี้ตัวอย่างของเมืองที่ถูกทำให้เป็นจีนเพื่อคนจีนส่วนใหญ่แล้ว เมื่อสร้างด้วยทุนจีน เป้าหมายย่อมต้องหวังคนจีนเป็นหลัก เป็นต้นว่าใช้ภาษาจีน ทั้งภาษาพูดและเขียน ใช้สกุลเงินหยวน อ้างอิงเวลาจีน จำหน่ายสินค้าจีน ร้านอาหารจีน รถยนต์ป้ายทะเบียนจีน แม้แต่สัญญาณโทรศัพท์ก็ยังคงใช้เครือข่ายจากจีน เป็นต้น ซึ่งคนลาวเจ้าของพื้นที่เดิม ต่างพูดทำนองเดียวกันว่าบ้านของพวกเขาไม่ใช่บ้านของพวกเขาอีกต่อไป แต่กลายเป็นบ้านของคนจีนไปเสียแล้ว

คาสิโนคิงส์โรมัน ‘มาเก๊าแห่งลุ่มน้าโขง’ ของ ‘จ้าวเหว่ย’

คาสิโน ‘คิงส์โรมัน’ (Kings Roman) ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว (ที่มาภาพ: worldcasinodirectory.com)

สำหรับคาสิโนคิงส์โรมัน ที่ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ (คนลาวเรียกเช่นนี้) ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งคือ ‘จ้าวเหว่ย’ (ชื่อตามหนังสือเดินทางคือ Chio Wai ส่วนสื่อต่างประเทศมักเรียกเขาว่า Zhao Wei) มหาเศรษฐีชาวจีนที่เคยทำคาสิโนที่เมืองลา ประเทศพม่า มาแล้ว ผู้ซึ่งพยายามมองหาลู่ทางทำเลที่ตั้งคาสิโนใหม่เสมอ โดยวางเป้าหมายไว้ที่คนจีนเป็นหลัก อีกทั้งประสบการณ์สอนเขาว่าอิทธิพลจากรัฐบาลจีนสามารถชี้เป็นชี้ตายทางธุรกิจได้ เช่น ห้ามข้าราชการไปมาเก๊าเด็ดขาด หรือใช้มาตรการปิดด่านและคุมเข้มที่เมืองลา ฯลฯ ทำให้เขาเลือกลงทุนที่ลาวบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ที่ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาพื้นที่ในรูปแบบเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีทำเลเหมาะสมเพราะตั้งอยู่ในเขตติดต่อของสามประเทศ คือ ลาว พม่า และไทย รวมทั้งห่างไกลจากอิทธิพลของรัฐบาลจีนในเชิงการเมือง ยิ่งทำให้เขาดูจะมีอำนาจเต็มเหนือพื้นที่นี้

ในเดือนเมษายน 2550 รัฐบาลลาวตอบตกลงในข้อเสนอสัมปทานพื้นที่ในเมืองต้นผึ้งจากกลุ่มทุนของเขา (กลุ่ม 'ดอกงิ้วคำ' ในเครือบริษัท จินมู่เหมียน (Jin Mu Mian) บริษัทจดทะเบียนในฮ่องกง) เพื่อพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อการค้าและการท่องเที่ยว ขนาดพื้นที่แรกเริ่มอยู่ที่ 8.2 ตารางกิโลเมตร ในระยะเวลา 40 ปีก่อนจะได้รับการขยายพื้นที่และระยะเวลาเช่า โดยได้ขยายพื้นที่เป็น 30 ตารางกิโลเมตร ระยะเวลา 99 ปี เมื่อปี 2553 ซึ่งอาณาจักรของจ้าวเหว่ยในลาวนี้มีพื้นที่ขนาดพอ ๆ กับเกาะมาเก๊า สื่อหลายสำนักจึงขนานนามให้เป็น ‘มาเก๊าแห่งลุ่มน้ำโขง’ ทว่า เป้าหมายแท้จริงตามแผนการของจ้าวเหว่ย อยู่ที่การครอบครองพื้นที่ทั้งหมด 102 ตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว

‘จ้าวเหว่ย’ (คนซ้าย) มหาเศรษฐีชาวจีนผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งคาสิโนคิงส์โรมัน (ที่มาภาพ: komchadluek)

แม้ในด้านความเป็นเจ้าของคาสิโนคิงส์โรมันแห่งนี้ จะรับรู้กันส่วนใหญ่ว่ารัฐบาลลาวถือหุ้นอยู่ด้วยร้อยละ 30 ขณะที่อีกร้อยละ 70 เป็นของกลุ่มดอกงิ้วคำ แต่คาสิโนคิงส์โรมันก็ไม่ต้องเสียค่าสัมปทานรายปี และได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี จึงเกิดข้อสงสัยว่ารัฐบาลจีนอยู่เบื้องหลังการลงทุนโครงการนี้ด้วยหรือไม่ ซึ่งจ้าวเหว่ยก็ออกมาย้ำเสมอว่าไม่เกี่ยวกับรัฐบาลจีนแต่อย่างใด มีเพียงความร่วมมือด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวกับทางมณฑลยูนนานเท่านั้น

คาสิโนคิงส์โรมัน ตั้งอยู่ใจกลางของพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ ซึ่งในด้านภูมิศาสตร์นอกจากจะดูโดดเด่นที่สุดแล้ว ก็ยังมีโครงการอื่น ๆ มากมายรวมอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวด้วย ไม่ว่าจะเป็นย่านที่พักอาศัย แหล่งบันเทิงครบวงจร และในอนาคตมีแผนจะสร้างสนามบินนานาชาติเพื่อรองรับเที่ยวบินตรงจากหลายเมืองหลักของจีน รวมถึงมาเก๊าและฮ่องกง สนามกอล์ฟ และอื่น ๆ ซึ่งมีการประเมินกันว่ามูลค่าการลงทุนในเขตเศรษฐกิจระยะยาวจนถึงปี 2563 อาจใช้เงินทุนรวมมากถึง 2.25 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานนั้น เริ่มมีการดำเนินการไปแล้วในห้วงแรก อาทิ ถนนคอนกรีตเชื่อมกับเมืองห้วยทราย เขื่อนป้องกันตลิ่งริมน้ำโขง ระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา สร้างวัดและโรงเรียนให้กับชุมชน เชื่อกันว่าเมื่อแล้วเสร็จสมบูรณ์จะสามารถดึงดูดชาวจีนให้เข้ามาท่องเที่ยวได้ถึงวันละ 1 หมื่นคน และมีคนย้ายเข้ามาอยู่อาศัย-ทำงานในพื้นที่มากกว่า 2 แสนคน และยกฐานะขึ้นเป็นนครลำดับที่สองของลาว รองจากนครหลวงเวียงจันทน์

 

เขตเศรษฐกิจพิเศษ+คาสิโน  = จีนได้-ไทยลาวเสีย

มีการประมาณการว่า เม็ดเงินนักพนันที่คาสิโนคิงส์โรมันอาจจะไม่ต่ำกว่า 375 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งนักพนันไทยและลาวเองก็ถือว่าเป็นลูกค้าหลักของคาสิโนแห่งนี้ โดยจากการเก็บข้อมูลของ ดร.ณัฐกร พบว่าปี 2557 มีคนไทยข้ามไปยังคาสิโนคิงส์โรมันในฝั่งลาว รวมทั้งสิ้น 53,006 คน โดยเฉลี่ยตกวันละ 145 คน และเมื่อพิจารณาในด้านสัดส่วนนักพนันพบว่า ปัจจุบันสัดส่วนนักพนันที่เข้ามาเสี่ยงดวงในคาสิโนคิงส์โรมันแห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นคนไทยประมาณร้อยละ 45 ตามมาด้วยคนลาวร้อยละ 30 จีนร้อยละ 20 และพม่าร้อยละ 5 ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่มีประกาศของเจ้าแขวงบ่อแก้วเมื่อราวเดือนกันยายน 2558 ที่ผ่านมา สั่งกำชับห้ามมิให้คนลาวเข้าไปเล่นการพนันในคาสิโนอย่างเด็ดขาด ทำให้สัดส่วนผู้เข้าไปเล่นการพนันชาวไทยแซงหน้านักพนันลาว นอกเหนือจากผลกระทบโดยตรงต่อนักพนันทั้งชาวไทยและชาวลาว (ปัญหาครอบครัว, เศรษฐกิจ และอื่น ๆ) แล้วยังพบผลกระทบใหญ่ จากการมาพร้อมกันของทั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษและคาสิโนแห่งนี้

ในด้านผลกระทบต่อลาวนั้น การคืบคลานมาของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำที่ครอบคลุมพื้นที่ 9 หมู่บ้าน ในเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ทำกินของชาวบ้าน เช่น บ้านกว๊าน, บ้านสีบุญเรือง, บ้านเวียงสว่าง, บ้านม่วงคา, บ้านห้วยผึ้ง โดยหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือบ้านกว๊าน พบว่าคนในหมู่บ้านนี้ต้องถูกไล่ที่ออกไปทั้งหมด อาจเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ลาวที่มีการขับไล่คนออกจากที่ดินที่ชาวบ้านมีสิทธิค่อนข้างถาวรเป็นพันคน ทั้งยังทำให้เมืองกลายเป็นศูนย์รวมธุรกิจสีเทาเนื่องจากความเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ส่งเสริมให้นักพนันและนักท่องเที่ยวต่างถิ่น สามารถเข้ามาหาความบันเทิงและทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยนอกเหนือจากการพนันแล้วก็ยังมีธุรกิจค้าประเวณี, ภัตตาคารที่มีเมนูจากสัตว์ป่าหายาก, ร้านขายอุปกรณ์เสริมทางเพศ ไปจนมีการลักลอบค้ายาเสพติด เป็นต้น พื้นที่นี้จึงกลายเป็นสวรรค์ของธุรกิจสีเทา

นอกจากนี้คาสิโนคิงส์โรมันยังถูกตั้งคำถามจากสื่อตะวันตกถึงแหล่งที่มาของเงินทุนโครงการ เพราะรายละเอียดเกี่ยวกับกลุ่มทุนหลายแห่งที่มาร่วมลงทุนในพื้นที่นี้ยังคงคลุมเครือ รวมทั้งตัวจ้าวเหว่ยเองก็เคยทำธุรกิจคาสิโนอยู่ที่เมืองลามาก่อน จึงเกิดเป็นข่าวลือทำนองเบื้องหลังของการลงทุนโครงการนี้เป็นแหล่งฟอกเงินของขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ โดยมีจ้าวเหว่ยออกหน้าให้

ส่วนผลกระทบต่อไทย ข้อค้นพบของ ดร.ณัฐกร พบว่าในด้านเศรษฐกิจนั้น แม้ทุกวันนี้แม้คาสิโนคิงส์โรมันอาจจะช่วยกระจายรายได้ลงสู่หลายธุรกิจเกี่ยวเนื่องบริเวณหน้าด่านอยู่บ้าง เนื่องจากเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวต้องใช้เข้า-ออกประเทศ เช่น ร้านค้า, ร้านอาหาร, ห้องพัก, บ้านเช่า ขณะที่บางธุรกิจก็ไม่ได้รับอานิสงส์แต่อย่างใด เช่น เรือรับจ้าง เพราะคาสิโนมีเรือของตัวเองให้บริการลูกค้าอยู่แล้ว เป็นต้น เมื่อโฟกัสไปที่ธุรกิจพักแรมของ อ.เชียงแสน เห็นชัดมากว่าช่วงกลางปี 2555 เมื่อทางการลาวเปิดด่านสากลที่สามเหลี่ยมทองคำนั้น ธุรกิจที่พักของคนพื้นถิ่นใน อ.เชียงแสน เริ่มกระเตื้องขึ้น เนื่องด้วยขณะนั้นเที่ยวบินตรงจากคุนหมิงมาถึงเชียงรายในช่วงเย็นและด่านปิดในเวลา 18.00 น  นักท่องเที่ยวจีนไม่สามารถข้ามไปฝั่งลาวได้ทัน ต้องพักค้างอยู่ที่เชียงแสน 1 คืน ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ อ.เชียงแสน มากขึ้น อย่างไรก็ตามภายหลังได้มีการปรับเปลี่ยนเวลาเที่ยวบินให้มาถึงเร็วขึ้น และขยายเวลาเข้า-ออกไปจนถึง 20.00 น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวสามารถข้ามไปพักที่ฝั่งลาวได้เลยโดยไม่ต้องค้างแรมที่เชียงแสนเช่นแต่ก่อน ผลประโยชน์ที่เคยตกอยู่กับคนพื้นที่จึงลดน้อยลง อ.เชียงแสน ยามค่ำคืนก็เงียบเหงา ถือได้ว่านี่คือความเปลี่ยนแปลงที่เอื้อธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น

ซึ่งเมื่อพิจารณาในภาพรวมด้านความเติบโตทางเศรษฐกิจของ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ที่เป็นทางผ่านหลักในการไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำและคาสิโนคิงส์โรมัน กลับไม่มีความสัมพันธ์กับการเกิดขึ้นของคาสิโนคิงส์โรมันที่เปิดช่วงปลายปี 2552 ที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจในปี 2553 ก็เพิ่มขึ้นตามปกติ

นอกจากนี้ ภาคประชาชนกังวลว่าการส่งเสริมให้คนข้ามไปท่องเที่ยวสถานคาสิโนไม่สอดคล้องกับวิถีวัฒนธรรมท้องถิ่น เพราะจุดขายการท่องเที่ยวของ อ.เชียงแสน อยู่ที่ประวัติศาสตร์ไม่ใช่การเป็น ‘เมืองทางผ่าน’ เพื่อไปเล่นการพนัน จากที่นักท่องเที่ยวเคยมาวัดไหว้พระ กลายเป็นว่าต้องข้ามไปเที่ยวคาสิโน ทำให้สูญเสียภาพลักษณ์ที่ดี และถูกช่วงชิงความโดดเด่นของเมืองเก่าไป

อ่าน 'จับตา': “คาดเม็ดเงินพนันบอลยูโร 2016 สูงสุดในรอบ 10 ปี"
http://www.tcijthai.com/tcijthainews/view.php?ids=6259

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: