แต่หากเทียบเงินสะพัดจากการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2014 พบว่าเม็ดเงินสะพัดลดลงร้อยละ 19.6 เนื่องจาก ในช่วงปี 2014 เป็นปีที่ประชาชนจะต้องซื้อกล่องหรืออุปกรณ์เสริม หรือการสมัครสมาชิก เพื่อชมการแข่งขันฟุตบอลโลก ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตามจากเงินสะพัดกว่า 7.6 หมื่นล้านบาทนั้น คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาหมุนในระบบเศรษฐกิจเพียงประมาณ 5 หมื่นล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจได้ร้อยละ 0.2

แต่เมื่อพิจารณาถึงเงินสะพัดจากการพนันบอลพบว่ามีตัวเลขที่เติบโตขึ้นต่อเนื่องมาตลอด 10 ปี และโตเป็นเท่าตัว โดยจากที่เริ่มสำรวจตั้งแต่ฟุตบอลยูโร 2008 เม็ดเงินพนันบอลอยู่ที่ 3.38 หมื่นล้านบาท, ฟุตบอลโลก 2010 จำนวน 3.72 หมื่นล้านบาท, ฟุตบอลยูโร 2012 จำนวน 4.17 หมื่นล้านบาท, ฟุตบอลโลก 2014 จำนวน 5.58 หมื่นล้านบาท และฟุตบอลยูโร 2016 คาดเงินพนันบอลจะสะพัด 5.78 หมื่นล้านบาท

ด้านพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงฟุตบอลยูโร 2016 นี้ พบว่าผู้กรอกแบบสอบถามระบุว่า ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายปกติเฉลี่ยประมาณร้อยละ 11.8 คาดว่าจะเป็นการใช้จ่ายในส่วนของค่าไฟฟ้า คิดเป็นเงิน 1,400 บาท ขนมขบเคี้ยว 710 บาท ไปรษณียบัตร 464 บาท และหนังสือพิมพ์ 192 บาท ส่วนค่าพนันบอลเฉลี่ยอยู่ที่ 7,160 บาท เลยทีเดียว

อ่านรายงานพิเศษย้อนหลังเกี่ยวกับการพนันบอลจาก TCIJ ได้ที่นี่