จากดัชนี GTI ของสถาบันเศรษฐกิจและสันติภาพ (Institute for Economics and Peace) ระบุว่าจำนวนเหยื่อที่เสียชีวิตจากการก่อการร้ายทั่วโลกปี 2558 ลดลง 10% เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี อยู่ที่ 29,376 คน โดยปฏิบัติการทางทหารต่อต้านกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ISIS) ในอิรักและกลุ่มโบโกฮาราม (Boko Haram) ในไนจีเรียช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตลงถึง 1 ใน 3 อย่างไรก็ตาม กลุ่มก่อการร้ายได้ขยายพื้นที่การโจมตีไปยังรัฐและภูมิภาคใกล้เคียง ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตในกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development - OECD) กลับพุ่งสูงขึ้นถึง 650% โดย 21 ประเทศจากทั้งหมด 34 ประเทศประสบกับเหตุการณ์ก่อการร้ายอย่างน้อย 1 ครั้ง และอีกหลายประเทศ อาทิ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี สวีเดน และตุรกี ต่างรายงานจำนวนเหยื่อที่เสียชีวิตจากการถูกกลุ่มก่อการร้ายโจมตีมากที่สุดใน 1 ปีนับแต่ปี 2543 ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตจากการก่อการร้ายในกลุ่มประเทศ OECD ส่วนใหญ่อยู่ที่ตุรกีและฝรั่งเศสที่ถูกกลุ่ม ISIS ก่อเหตุกราดยิงและระเบิดฆ่าตัวตายตามสถานบันเทิงและร้านอาหารหลายแห่งในกรุงปารีสเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 130 คน

ดัชนี GTI ระบุ 5 อันดับประเทศที่มีเหยื่อเสียชีวิตจากการก่อการร้ายสูงที่สุดได้แก่ อิหร่าน อัฟกานิสถาน ไนจีเรีย ปากีสถาน และซีเรีย ซึ่งมีจำนวนผู้เสียชีวิตรวมกันคิดเป็น 72% ของทั้งหมด ส่วนฝรั่งเศสอยู่ในอันดับที่ 29 ตามมาด้วยรัสเซียอันดับที่ 30 สหราชอาณาจักรอันดับที่ 34 และสหรัฐอเมริกาอันดับที่ 36 นอกจากนี้ ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการก่อการร้ายมีมูลค่าถึง 89,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยอิรักได้รับความเสียหายสูงที่สุดคิดเป็น 17% ของผลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

ที่มาข้อมูล: economicsandpeace.org
ที่มาภาพประกอบ: empresa-journal.com