สื่อด้านการลงทุนระบุ Tesla Motors ผู้ผลิตและจำหน่ายรถพลังงานไฟฟ้ารายใหญ่ สัญชาติสหรัฐอเมริกา กำลังเจรจาขอซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี เฟส 2 อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ล็อตใหญ่ 200 ไร่ มูลค่า 1,800 ล้านบาทห จากทั้งหมด 2.5 พันไร่ หวังตั้งฐานการผลิตให้กระจายสู่อาเซียน-เอเชีย 

หนังสือพิมพ์รายวันทันหุ้น ระบุเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2559 ที่ผ่านมาว่า นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง เปิดเผยว่าปัจจุบัน "บริษัท เทสลา มอเตอร์ส (Tesla Motors)" ผู้ผลิตและจำหน่ายรถพลังงานไฟฟ้า ได้เข้ามาเจรจากับ "บริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TFD" เพื่อขอสำรวจก่อนซื้อที่ดินแปลงใหญ่ในนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี เฟส 2 อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา จากทั้งหมด 2.5 พันไร่ โดยการที่ Tesla Motors เข้าเจรจาซื้อที่ดินแปลงใหญ่ครั้งนี้ เพื่อต้องการตั้งฐานการผลิตรถพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นไปตามนโยบายธุรกิจที่ กลุ่มผู้บริหาร Tesla Motors ต้องการกระจายฐานการผลิตสู่ประเทศแถบอาเซียน เอเชีย และ อื่นๆ เพราะเล็งเห็นว่าตลาดรถพลังงานไฟฟ้าจะเติบโตมากขึ้นในอนาคต และจะเป็นที่ต้องการของทุกประเทศทั่วโลก โดย Tesla Motors เป็นบริษัทของสหรัฐอเมริกาที่ออกแบบ ผลิตและจำหน่ายรถพลังงานไฟฟ้าและส่วนประกอบระบบส่งกำลังของยานพาหนะไฟฟ้า Tesla Motors เป็นบริษัทมหาชน มีชื่อทางการค้าในตลาดหลักทรัพย์นาสแด็กว่า "TSLA"      

ทั้งนี้ Tesla Motors มีภารกิจหลัก คือ การกระตุ้นให้เกิดการเข้าสู่ยุคของการเดินทางที่ยั่งยืน Accelerate the World's Transition to Sustainable Transpor  ซึ่ง Tesla Motors ผู้ผลิตรถยนต์อิสระที่สามารถจำหน่ายรถพลังงานไฟฟ้าในราคาที่ผู้บริโภคทั่วไปสามารถซื้อได้ เบื้องต้นฝ่ายวิจัยประเมินว่า Tesla Motors จะเจรจาขอซื้อที่ดิน TFD ประมาณกว่า 200 ไร่ หากคิดมูลค่าที่ดินสิ้นไตรมาส 1/2559 ราคา 9 ล้านบาทต่อไร่ จะเป็นมูลค่ารวมถึง 1,800 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักกับต้นทุนที่ดิน 3 ล้านบาทต่อไร่ จะทำให้ TFD มีกำไรจากการขายที่ดินครั้งนี้สูงมาก และยังไม่นับรวมลูกค้ารายอื่น ๆ ที่เข้ามาเจรจาซื้อที่ดินของ TFD           

ด้านนายอภิชัย เตชะอุบล รองประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TFD กล่าวกับ "หนังสือพิมพ์รายวันทันหุ้น" ว่า ปัจจุบันที่ดิน "นิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี เฟส 2" อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา บนเนื้อที่ 2.5 พันไร่ มูลค่า 2.25 หมื่นล้านบาท เพิ่งได้รับการอนุมัติเปลี่ยนสีจากสีเขียวให้เป็นสีม่วง และคาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากขั้นตอนขอพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ช่วงต้นไตรมาส 3/2559 นี้         

ล่าสุด "นิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี เฟส 2" ยังได้รับปัจจัยบวก จากกรณีที่คณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ คบพ. รับทราบรายงานของคณะทำงานการส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกที่ได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก (อีสเทิร์นซีบอร์ด) เพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายตาม นโยบายของรัฐบาล โดยจะนำร่องในพื้นที่ 3 จาก 7 จังหวัดในพื้นที่อีสเทิร์นซีบอร์ด ได้แก่ จ.ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา        

พร้อมกันนี้ยังให้ชื่อการขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณอีสเทิร์นซีบอร์ดว่า "ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor)" โดยหลังจากได้รับความเห็นชอบในหลักการจาก คบพ. แล้ว จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) อนุมัติและเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป โดยจะเน้นพัฒนา เพื่อดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมซูเปอร์ไฮเทค และให้สิทธิประโยชน์ที่ดึงดูดการลงทุนสูงสุดแต่จะไม่เป็นการทับซ้อนกับสิทธิประโยชน์ในซูเปอร์คลัสเตอร์ ที่สำนักงานบีโอไอประกาศให้ไปก่อนหน้านี้

โดยปัจจัยเชิงบวกข้างต้นทำให้ที่ดินใน "นิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี เฟส 2" ที่อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา บนเนื้อที่ 2.5 พันไร่ มูลค่า 2.25 หมื่นล้านบาท เป็นจุดสนใจในสายตาของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งนั่นหมายความว่าจะทำให้ปริมาณยอดขายที่ดินใน "นิคมอุตสาหกรรม ทีเอฟดี เฟส 2" เติบโตได้รวดเร็วกว่าเป้าหมายที่บริษัทเคยวางไว้ก่อนหน้านี้ คือ ปี 2559 ตั้งเป้ายอดขายที่ดินเพียง 200 ไร่ มูลค่า 1.8 พันล้านบาท (โอนปี 59 ที่ 100 ไร่ มูลค่า 900 ล้านบาท) ปี 2560 ตั้งเป้ายอดขายที่ดิน 400 ไร่ มูลค่า 3.6 พันล้านบาท