ชาวนาควรรู้ คปภ.ไฟเขียวกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี 2559 สำหรับรายย่อยแล้ว

28 ก.ค. 2559 | อ่านแล้ว 1749 ครั้ง


	ชาวนาควรรู้ คปภ.ไฟเขียวกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี 2559 สำหรับรายย่อยแล้ว

คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ไฟเขียวกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2559 สำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) เบี้ยประกันภัย 100 บาทต่อไร่ (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษี) โดยรัฐบาลจะอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย 60 บาทต่อไร่ เกษตรกรชำระเบี้ยประกันภัย 40 บาทต่อไร่

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่าตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2559 เห็นชอบในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 ตามโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2559 โดยมีพื้นที่เป้าหมายในการเอาประกันภัย จำนวน 30 ล้านไร่ทั่วประเทศ แบ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. จำนวน 29.5 ล้านไร่ และสำหรับเกษตรกรทั่วไปอีกไม่เกิน 500,000 ไร่นั้น ในส่วนความรับผิดชอบของสำนักงานคปภ. ในฐานะนายทะเบียนประกันภัยได้พิจารณาภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายให้ความเห็นชอบแบบกรมธรรม์ รวมทั้งเอกสารประกอบกรมธรรม์ที่ทางสมาคมประกันวินาศภัยไทยยื่นเรื่องเพื่อขอความเห็นชอบเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2559 ซึ่งการทำประกันภัยข้าวนาปีตามนโยบายของรัฐบาลดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อชาวนาไทยเป็นอย่างมาก

เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า การสร้างระบบประกันภัยพืชผลให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์อย่างยั่งยืนให้กับเกษตรกรไทย จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการสร้างระบบประกันภัยพืชผลตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง โดยเฉพาะในส่วนของกรมธรรม์ต้องสามารถตอบโจทย์ความต้องการและสามารถคุ้มครองสิทธิประโยชน์ให้แก่เกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับแบบกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2559 สำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) ที่ได้ให้ความเห็นชอบนี้ มีอัตราเบี้ยประกันภัย 100 บาทต่อไร่ (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษี) โดยรัฐบาลจะอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย 60 บาทต่อไร่ เกษตรกรชำระเบี้ยประกันภัย 40 บาทต่อไร่ ทั้งนี้ หากเกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. เพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปี ธ.ก.ส. จะจ่ายเบี้ยประกันภัยแทนเกษตรกรเฉพาะในส่วนของวงเงินฉะนั้น สำหรับส่วนเกินวงเงินฉัน้หากเกษตรกรต้องการที่จะทำประกันภัยเพิ่มต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยเอง โดยกรมธรรม์นี้จะให้ความคุ้มครอง ความเสียหายจากภัยธรรมชาติ 7 ประเภท ได้แก่ น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ และศัตรูพืชหรือโรคระบาด โดยจำนวนเงินความคุ้มครองสำหรับ 6 ภัยแรก จำนวน 1,111 บาทต่อไร่ และจำนวน 555 บาทต่อไร่ สำหรับภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด ทั้งนี้ เกษตรกรทั่วไปสามารถซื้อกรมธรรม์นี้ได้จนถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2559 ส่วนเกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. สามารถซื้อกรมธรรม์นี้ได้จนถึงวันที่ 30 สิงหาคม 2559 และสำหรับพื้นที่ภาคใต้สามารถซื้อกรมธรรม์นี้ได้จนถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2559

สำหรับเงื่อนไขสำคัญในกรมธรรม์นี้ คือ ระยะเวลารอคอย โดยผู้รับประกันภัยจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย ในกรณีที่ข้าวที่เอาประกันภัยได้รับความเสียหายเมื่อพ้นระยะเวลารอคอย 7 วันแรก นับแต่วันที่ผู้เอาประกันภัยได้ขอเอาประกันภัย ในกรณีที่เกิดความเสียหายขึ้นและปรากฏว่าจำนวนพื้นที่เพาะปลูกที่เอาประกันภัยไว้ต่ำกว่าจำนวนพื้นที่เพาะปลูก (ไร่) ทั้งหมดในแปลงที่แจ้งขึ้นทะเบียนเกษตรกร (ทบก.) ที่ได้รับการปรับข้อมูลการเพาะปลูกข้าวนาปีจริงในปี 2559/60 จากข้อมูลทะเบียนเกษตรกร (ทบก.) ปี 2558/59 ให้เป็นปัจจุบัน โดยกรมส่งเสริมการเกษตรให้ถือว่าผู้เอาประกันภัยเป็นผู้รับประกันภัยเองในส่วนที่แตกต่างกัน และในการคำนวณค่าสินไหมทดแทนผู้เอาประกันภัยต้องรับภาระส่วนเฉลี่ยความเสียหายไปตามส่วน

ในส่วนของการคืนเบี้ยประกันภัย มีอยู่ 6 กรณีคือ กรณีที่ผู้เอาประกันภัยขอเอาประกันภัยเกินกว่าพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีที่แจ้งไว้ในทะเบียนเกษตรกร ผู้รับประกันภัยจะคืนเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามจำนวน (ไร่) เฉพาะพื้นที่ส่วนที่เกิน กรณีข้าวนาปี ได้รับความเสียหายในระยะเวลารอคอย ผู้รับประกันภัยจะคืนเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยเต็มจำนวน กรณีที่ผู้เอาประกันภัยขอเอาประกันภัยหลังจากวันแรกที่เกิดภัย ผู้รับประกันภัยจะคืนเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยเต็มจำนวน กรณี พื้นที่เพาะปลูก ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ซึ่งรัฐบาลประกาศกำหนดให้เป็นพื้นที่รับน้ำ พื้นที่กักเก็บน้ำ หรือพื้นที่ทางน้ำไหลผ่าน หรือพื้นที่ที่รัฐบาลไม่ส่งเสริมการเพาะปลูกโดยการงดส่งน้ำ และผู้เอาประกันภัยมีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาล ทั้งนี้ หากมีการเอาประกันภัยไว้ ผู้รับประกันภัยจะคืนเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยเต็มจำนวน กรณีที่ผู้เอาประกันภัยขอเอาประกันภัย โดยมีระยะเวลาเริ่มต้นเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัย ผู้รับประกันภัยจะคืนเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยเต็มจำนวน และกรณีผู้เอาประกันภัยไม่ได้เพาะปลูกข้าวนาปีในแปลงที่ได้ขอเอาประกันภัยไว้ ผู้รับประกันภัยจะคืนเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยเต็มจำนวน

 
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: