ข้อมูลจาก The Bureau of Aircraft Accidents Archives (B3A) อันเป็นหน่วยงานที่เก็บรวบรวมสถิติเครื่องบินตก พบว่าในปี 2558 มีเหตุการณ์เครื่องบินตก 122 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 898 คน ซึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้น (ปี 2557) มีเครื่องบินตก 122 ลำ มีผู้เสียชีวิตมากถึง 1,329 คน ซึ่งผู้เสียชีวิตรวมในปี 2557 นั้น ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 10 ปี หลังสุดตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา (อ่านเพิ่มเติม ‘จับตา: เครื่องบินตกและผู้เสียชีวิตทั่วโลกระหว่างปี 2549-2558’) โดยเหตุเครื่องบินตกครั้งที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดเมื่อปี 2558 คือเหตุการณ์เครื่องบินตกที่ประเทศอียิปต์ เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2558 มีผู้เสียชีวิต ทั้งสิ้น 224 คน
เครื่องบินตกครั้งที่สูญเสียชีวิตมากที่สุดในปี 2558
เครื่องบิน Airbus A321 สายการบิน Metrojet ของรัสเซีย ตกในพื้นที่ภูเขาบนคาบสมุทรไซนาย ประเทศอียิปต์
เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2558 ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตรวม 224 คน (ที่มาภาพ: baaa-acro.com)
เครื่องบินโดยสารแอร์บัส เอ 321 (Airbus A321) สายการบินเมโทรเจ็ต (Metrojet) ของรัสเซีย พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 224 คน ประสบเหตุตกในพื้นที่ภูเขาบนคาบสมุทรไซนาย (Sinai) หลังทะยานขึ้นจากสนามบินในเมืองตากอากาศชาร์ม เอล-เชค (Sharm el-Sheikh) ทางใต้ของอียิปต์ มุ่งหน้าไปยังนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (Saint Petersburg) ของรัสเซีย เช้ามืดวันเสาร์ที่ 31 ต.ค. 2558 และขาดการติดต่อใน 23 นาทีหลังจากนั้น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 224 คน โดยทางการรัสเซียได้ระบุว่าผู้โดยสารบนเครื่องบินลำนี้มีตั้งแต่เด็กอายุ 10 เดือน จนถึงสตรีอายุ 77 ปี โดยเกือบทั้งหมดเป็นชาวรัสเซียที่กำลังเดินทางกลับจากอียิปต์ ยกเว้น 3 คน เป็นชาวยูเครน และในจำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วย 17 คน เป็นสตรี 138 คน และชาย 62 คน หลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตกไม่กี่ชั่วโมงกลุ่มก่อการร้ายไอเอส (ISIS) ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบว่าโจมตีเครื่องบินโดยสารลำนี้ แต่ฝ่ายความมั่นคงอียิปต์ระบุว่าเหตุเครื่องบินตกครั้งนี้เป็นเพราะเหตุขัดข้องทางเทคนิคไม่ใช่ก่อการร้าย ด้านแอร์บัสระบุว่าเครื่องบินลำที่ตกนี้ผลิตในปี 2540 และดำเนินการโดยเมโทรเจ็ตตั้งแต่ปี 2555 ผ่านการใช้งานมาแล้ว 56,000 ชั่วโมงในเกือบ 21,000 เที่ยวบิน
ต่อมาในกลางเดือน พ.ย. 2558 มีข่าวผลการสอบสวนของรัสเซียออกมาว่า เครื่องบินสายการบินเมโทรเจ็ตถูกวางระเบิดชนิดทีเอ็นที ขนาด 1 กิโลกรัม และนายวลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ประธานาธิบดีรัสเซีย ก็ได้ออกมาแถลงว่าจะไล่ล่ากลุ่มคนที่วางระเบิดเครื่องบินในครั้งนี้ โดยเขาประกาศว่ารัสเซียจะเปิดฉากโจมตีกลุ่มไอเอสในซีเรียให้หนักหน่วงมากขึ้น รวมทั้งจะกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายอื่น ๆ ด้วย
ในภูมิภาคอาเซียน อินโดนีเซียมีจำนวนเครื่องบินตกมากที่สุด 5 ครั้ง และมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 207 คน
โดยเหตุการณ์เครื่องบินกองทัพอากาศอินโดนีเซียตกที่เมดานมีผู้เสียชีวิตถึง 142 คน (ที่มาภาพ: baaa-acro.com)
นอกจากนี้เหตุการณ์เครื่องบินตกที่มีผู้เสียชีวิตหลักร้อยคน ยังมีอีก 2 ครั้ง ได้แก่ เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2558 เครื่องบินรุ่นแอร์บัส เอ320 (Airbus A320) ของสายการบินโลว์คอสต์ เยอรมันวิงส์ (Germanwings) ซึ่งเป็นสายการบินในเครือของลุฟท์ฮันซ่า (Lufthansa) ประสบอุบัติเหตุตกบริเวณเทือกเขาแอลป์ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตรวม 150 คน และเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2558 เครื่องบินล๊อคฮีด ซี-30 เฮอร์คิวลิส (Lockheed C-130 Hercules) ของกองทัพ อากาศอินโดนีเซียประสบปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้อง และตกใส่ย่านที่พักอาศัยของประชาชนในเขตเมดาน (Medan) ภายหลังเดินทางออกจากฐานทัพได้ไม่กี่นาที เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 142 คน
สหรัฐฯ ครองแชมป์พื้นที่เครื่องบินตกมากสุด
ในปี 2558 จำนวนเครื่องบินตกในพื้นที่ทวีปอเมริกาสูงสุดคือ 56 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 120 คน ทวีปเอเชียและโอเชียเนีย 35 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 319 คน ทวีปยุโรป 15 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 172 คน และไม่สามารถระบุได้อีก 3 ครั้ง โดยประเทศที่มีเหตุการณ์เครื่องบินตกมากที่สุดได้แก่ประเทศสหรัฐอเมริกา คือมีเครื่องบินตกรวม 25 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 49 คน ตามมาด้วยอันดับ 2 คือพื้นที่ในประเทศรัสเซียมีเครื่องบินตกรวม 9 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 3 คน และอันดับ 3 ประเทศโคลอมเบียมีเครื่องบินตกรวม 7 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 26 คน สำหรับภูมิภาคอาเซียนนั้น พื้นที่ในประเทศอินโดนีเซีย มีจำนวนเครื่องบินตกมากที่สุด 5 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 207 คน
โดยสายการบินที่เครื่องบินตกมากที่สุดได้แก่ เครือข่ายสายการบิน Prive Jets (หรือ Private Privé) ผู้ให้บริการเครื่องบินส่วนตัวมากกว่า 6,000 บริการใน 50,000 สนามบินทั่วโลก ในปี 2558 เครือข่ายสายการบิน Prive Jets มีเครื่องบินตกรวม 15 ครั้ง ส่วนเดือนที่มีเครื่องบินตกทั่วโลกมากที่สุดคือเดือน ต.ค. โดยมีเครื่องบินตกรวมกันถึง 19 ครั้ง
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ
