กรมธุรกิจพลังงาน ยืนยันเดินหน้ายกเลิกจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 91 ตามแผน 1 ม.ค. 2561 พร้อมเสนอปรับขึ้นภาษีน้ำมันเบนซินและดีเซลเกรดพรีเมียมเต็มเพดาน 10 บาทต่อลิตร เล็งลดสัดส่วนน้ำมันปาล์มในดีเซลเหลือ B3 ส่วนท่อน้ำมันภาคเหนือและอีสานคาดเสร็จปี 2561-2563 (ที่มาภาพประกอบ: mthai.com)
เว็บไซต์ Energy News Center รายงานว่านายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า กรมฯ ยืนยันจะเดินหน้ายกเลิกการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ภายในวันที่ 1 ม.ค. 2561 ซึ่งเป็นไปตามแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (oil Plan 2015) โดยล่าสุดได้หารือกับกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2559 โดยกลุ่มโรงกลั่นเห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว แต่ระบุว่าอาจส่งผลกระทบให้ไทยขาดแคลนน้ำมันเบนซินพื้นฐาน (G-Base) เนื่องจากประชาชนจะหันไปใช้แก๊สโซฮอล์ 95 เพิ่ม และทำให้ต้องนำเข้าน้ำมันพื้นฐานเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตแก๊สโซฮอล์ 95 เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการนำเข้า G-Base เพิ่มขึ้น จะเป็นปัญหาระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากปัจจุบันหลายโรงกลั่นเริ่มปรับตัวเพื่อปรับปรุงการผลิตให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค และมีการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า G-Base ในอนาคต ซึ่งผู้ประกอบการอาจต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 1 หมื่นล้านบาทต่อโรงเพื่อปรับปรุงการผลิตดังกล่าว แต่ในส่วนของผู้ใช้นั้นเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากรถแก๊สโซฮอล์ 91 ทุกคันสามารถหันไปใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ได้ทันที
นอกจากนี้กรมฯ ยังเตรียมเสนอกระทรวงพลังงานให้ปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซินและดีเซล เฉพาะเกรดพรีเมียม ในอัตราเต็มเพดานการจัดเก็บที่ 10 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันเก็บอยู่เฉลี่ย 5 บาทต่อลิตร ส่วนการขึ้นภาษีก๊าซหุงต้ม (LPG) ภาคขนส่งนั้น เห็นควรให้ปรับขึ้นใกล้เคียงกับน้ำมัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ใช้ยานยนต์ทุกราย แต่เบื้องต้นจะต้องรอการแก้ไขกฎหมายให้เสร็จก่อน สำหรับปัจจุบันภาษี LPG ภาคขนส่งถูกจัดเก็บอยู่ 2.17 บาทต่อกิโลกรัม หรือ 1 บาทต่อลิตร
นายวิฑูรย์ กล่าวด้วยว่า กรมฯ ยังเตรียมรอดูสถานการณ์ปริมาณน้ำมันปาล์มของประเทศอีก 1 สัปดาห์ โดยหากยังขาดแคลนอยู่ กรมฯ จะออกประกาศปรับลดสัดส่วนการใช้น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ (B100) ในน้ำมันดีเซลลง จากปัจจุบันผสมในสัดส่วน 5%ในน้ำมันดีเซลทุกลิตร หรือเรียกว่า ไบโอดีเซล B5 โดยจะปรับลดสัดส่วนเหลือเพียง B3 อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์มีหนังสือแจ้งกรมฯ มาว่า ปาล์มจะขาดแคลนถึงสิ้นปี 2559 นี้ และสต๊อก B100 ที่เก็บอยู่ 60 ล้านลิตรนั้น ขณะนี้หมดสต๊อกแล้ว ซึ่งกรมฯจะนำมาพิจารณาปรับสัดส่วนไบโอดีเซลให้เหมาะสมต่อไป ส่วนความคืบหน้าการศึกษาใช้ไบโอดีเซล B10 นั้น ขณะนี้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) กำลังศึกษาและคาดว่าจะเสร็จประมาณกลางปี 2560
สำหรับสถานการณ์การใช้น้ำมันช่วงครึ่งแรกของปี 2559 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 พบว่า ยอดการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้น 10.91% และดีเซลเพิ่มขึ้น 4.24% ส่วน LPG ลดลง 12.08% ส่วนก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ลดลง 8.39% เนื่องจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับลดลง ส่งผลให้ผู้ใช้ยานยนต์เปลี่ยนจากการใช้ก๊าซฯ กลับไปใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น
ในส่วนของความคืบหน้าการสร้างท่อส่งน้ำมันไปภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานนั้น ในส่วนของท่อน้ำมันภาคเหนือนั้น บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) อยู่ระหว่างการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และเตรียมทำประชาพิจารณ์ โดยจะสร้างท่อต่อจากของเดิมที่ FPT ดำเนินการอยู่ที่ อ.บางประอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ขยายเพิ่มไปยัง จ.พิจิตร และ จ.ลำปาง พร้อมกันนี้ได้จัดซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างคลังน้ำมันที่ จ.พิจิตร 120 ไร่ โดยจะวางศิลาฤกษ์ในวันที่ 23 ส.ค. 2559 เพื่อเตรียมสร้างคลังน้ำมันที่สำหรับการกระจายน้ำมันจำหน่ายในภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในปี 2561 และเตรียมจัดซื้อที่ดิน 112 ไร่ ที่ จ.ลำปาง เพื่อก่อสร้างคลังน้ำมัน โดยคาดว่าจะเสร็จในปี 2562
ขณะที่การก่อสร้างท่อน้ำมันไปภาคอีสานนั้น บริษัท ไทย ไปปน์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (TPN) ภายใต้กลุ่มบริษัท เอส ซี กรุ๊ป (SC Group) ได้เจรจาจะต่อท่อน้ำมันจากบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (THAPPLINE) บริเวณ อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ขยายไปถึง จ.ขอนแก่น ซึ่งเบื้องต้นได้บรรลุข้อตกลงกับ บริษัท THAPPLINE แล้วและรอการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากผู้ถือหุ้นของ THAPPLINE ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติภายในเดือน ส.ค.2559 โดยใช้เงินลงทุน 1 หมื่นล้านบาท คาดสร้างเสร็จประมาณปี 2562-2563
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ