สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ชี้ภาคเอกชนเลือนการลงทุนไปต้นปีหน้า หลังโครงการภาครัฐทยอยเซ็นสัญญาช่วงปลายปีนี้ ด้านนักวิเคราะห์มองครึ่งปีหลังไร้สัญญาณฟื้นตัว (ที่มาภาพประกอบ: telegraph.co.uk)

สำนักข่าว TNN รายงานเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2559 ที่ผ่านมาว่านายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) บอกว่าก่อนหน้านี้ สศค.มองจะเริ่มเห็นการลงทุนภาคเอกชนในไตรมาส  3 ของปีนี้ แต่ขณะนี้เข้าใจว่าเอกชนหลายแห่งเลื่อนการลงทุนออกไปเป็นต้นปีหน้า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่จะมีสัญญาจ้างหรือประมูลให้เอกชนเข้ามาลงทุนจะเริ่มเซ็นสัญญาปลายปีนี้

อย่างไรก็ตามมั่นใจว่า การลงทุนของภาครัฐจะดึงให้เอกชนลงทุนตามได้ อย่างล่าสุดพบว่าบริษัท ช.การช่าง และ ซิโนไทย ซึ่งมีสัญญาลงทุนกับภาครัฐเริ่มสั่งซื้อสินค้ามาลงทุนแล้ว คิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท แม้ว่าจะดูน้อยเมื่อเทียบกับขนาดเงินลงทุนของรัฐ แต่เมื่อรัฐเซ็นสัญญาลงทุนแล้วการลงทุนในภาพรวมของภาคเอกชนก็จะดีขึ้นตามไปด้วย

ขณะนี้ภาครัฐจะยังไม่มีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการลงทุน เพราะที่ผ่านมาได้ออกมาตรการไปมากแล้ว ทั้งสนับสนุนการลงทุนขนาดใหญ่ และเอสเอ็มอี รวมถึงการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษปีนี้ อย่างไรก็ตามมองว่าปีนี้การลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวได้ 2.6% จากปีก่อนติดลบ 2.0% ส่วนการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวได้ 10.5% จากจีดีพีปีนี้ที่เติบโตไม่ต่ำกว่า 3.3%

ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจสิ้นไตรมาส 2 เดือน มิ.ย. ว่าการลงทุนภาคเอกชนทรงตัวจากไตรมาสก่อนจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยการลงทุนหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของยอดจำหน่ายเครื่องจักรภายในประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมพลาสติกและยอดจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ขณะที่การนำเข้าสินค้าทุนหดตัว ตามการนำเข้าหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ สอดคล้องกับ การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่ยังซบเซา

การลงทุนหมวดก่อสร้างลดลงจากพื้นที่ ได้รับอนุญาตก่อสร้าง ที่อยู่อาศัยหดตัว ต่อเนื่อง สอดคล้องกับภาวะอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มชะลอตัว ในขณะที่พื้นที่อนุญาตก่อสร้างสำหรับพาณิชยกรรมและบริการและขนส่งมีแนวโน้มทรงตัว

ขณะที่ในมุมมองภาคเอกชน นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร กล่าวว่าการคาดหวังให้การลงทุนภาคเอกชนฟื้นกลับมาในระยะเวลาอันใกล้นี้ดูเป็นเรื่องที่ยาก เพราะการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังการผลิตที่เหลือมากในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ไทยยังอยู่ระหว่างก้าวข้ามการผลิตสินค้าที่ใช้ทักษะแรงงานราคาถูกไปสูงการผลิตสินค้าที่ต้องใช้ทักษะแรงงานสูงขึ้น แต่ยังทำไม่ได้อย่างเต็มที่ ทำให้นักลงทุนหลายกลุ่มต้องย้ายฐษนการลงทุน โดยเฉพาะว่านักลงทุนไทยออกไปลงทุนต่างประเทศมากกว่าการมีต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย