ชี้มาตรการนำเข้าข้าวสาลีปลอดภาษี ทำลายชาวไร่ข้าวโพด - มันสำปะหลัง ทำธุรกิจยักษ์ใหญ่ “รวยเต็มที่ภาษีไม่ต้องจ่าย” แนะยกเลิกนำเข้าต้องเก็บภาษี 35% ผลิตอาหารสัตว์ 27% สำหรับอาหารมนุษย์ บี้ พาณิชย์ แจงตัวเลขนำเข้ากากข้าวโพด ปลาป่น ด้านกรมการค้าภายในยืนยันไม่ยกเลิกนำเข้าข้าวสาลีระบุติดข้อตกลง WTO และผลผลิตในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ ที่มาภาพประกอบ: domeckopol (CC0)
ASTV ผู้จัดการออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2560 ว่านางมัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะเกษตรกรไร่ข้าวโพด มันสำปะหลัง รวมกว่า 1 ล้านครัวเรือน มีประชาชนเดือดร้อนอย่างต่อเนื่องจากนโยบายที่ไม่เป็นธรรมตั้งแต่ปี 2556 ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คือ ปลอดภาษีนำเข้าให้กับพ่อค้าอาหารสัตว์ที่ยังดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ทำให้มีการนำเข้าข้าวสาลีมาทดแทนการใช้ข้าวโพดกับมันสำปะหลังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันมีการนำเข้าถึง 1.5 ล้านตันแล้ว และยังมีการทยอยนำเข้าอยู่เรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเก็บภาษีนำเข้าข้าวสาลีที่ 27% แม้ว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จะพยายามแก้ปัญหา แต่ก็ยังคงมาตรการให้นำเข้าข้าวสาลีแบบปลอดภาษีอยู่ โดยในต้นปี 60 มีมาตรการว่า ถ้านำเข้าข้าวสาลีหนึ่งส่วนบังคับซื้อข้าวโพดสามส่วน แต่ก็ยังไม่ต้องเสียภาษีอยู่ดี เท่ากับว่า สำหรับธุรกิจยักษ์ใหญ่ด้านอาหารสัตว์แล้วอยู่ในภาวะรวยเต็มที่ภาษีไม่ต้องจ่าย ในขณะที่ประเทศฟิลิปปินส์กำหนดอัตราภาษีนำเข้าข้าวสาลีถึง 35%
นางมัลลิกา เสนอแนวทางแก้ปัญหาเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับเกษตรกร โดยไม่อยากให้นายสมคิด ฟังแต่นายทุนค้าอาหารสัตว์เพียงอย่างเดียว เพราะเสียงของเกษตรกรไม่ดัง โดยขอให้ยกเลิกการนำเข้าข้าวสาลีเพื่อเป็นส่วนประกอบของอาหารสัตว์ ในส่วนที่จะต้องนำเข้าเพื่อเป็นอาหารมนุษย์ก็ควรจ่ายภาษีนำเข้า 27% เหมือนเดิม แต่ถ้าจะให้นำเข้าเพื่อประกอบอาหารสัตว์ต้องจ่ายภาษี 35% เหมือนประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งข้อเสนอเหล่านี้ไม่ขัดกับข้อตกลงขององค์การการค้าโลก หรือ WTO ตามที่กระทรวงพาณิชย์กล่าวอ้าง เพราะสามารถใช้ข้อยกเว้นกรณีที่เกี่ยวกับความมั่นคงในชีวิตของคนในประเทศมาเป็นเหตุผลได้ โดยเชื่อว่า จะทำให้เกิดความเป็นธรรม กระทรวงพาณิชย์ และฝ่ายความมั่นคงต้องควบคุมพ่อค้าคนกลางไม่ให้กดราคาชาวไร่ ทั้งนี้ นอกจากการนำเข้าข้าวสาลีโดยปลอดภาษีแล้ว ยังมีการนำเข้ากากข้าวโพด ปลาป่น และผลิตภัณฑ์อื่นเพื่อมาผลิตอาหารสัตว์ด้วย จึงขอให้นำตัวเลขออกมาเปิดเผยทั้งหมดไม่ใช่เฉพาะข้าวสาลีเท่านั้น เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นการนำเข้ามาเพื่อใช้แทนข้าวโพดและมันสำปะหลังในการผลิตอาหารสัตว์ทำให้ราคาพืชเศรษฐกิจเหล่านี้ตกต่ำ
ด้าน สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น รายงานเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2560 ว่านางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการที่มีกระแสข่าว เรื่องการขอให้กระทรวงพาณิชย์ระงับการนำเข้าข้าวสาลี นั้น ขอชี้แจงว่าไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากการระงับการนำเข้าข้าวสาลีจะผิดข้อผูกพัน ที่ไทยทำไว้กับองค์การการค้าโลก (WTO) ที่กำหนดให้สมาชิกต้องเปิดตลาดสินค้าเกษตรตามที่ได้ผูกพัน เว้นแต่เหตุผลด้านความปลอดภัย ที่ต้องมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ
อย่างไรก็ตาม ปริมาณผลผลิต วัตถุดิบสำหรับอาหารสัตว์ในประเทศ ทั้ง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ จำเป็นต้องมีการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์อื่นๆมาทดแทน เช่น ข้าวสาลี โดยปัจจุบันราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อยู่ที่กิโลกรัมละ 8.15-8.65 บาท โดยผลผลิตปี2559/60 ขณะนี้ ออกสู่ตลาดหมดแล้ว และเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลผลิตปี 2560/61 และผลผลิตจะเริ่มออกสู่ตลาดประมาณปลายเดือนกรกฎาคม จึงเชื่อว่าเกษตรกรไม่น่าจะประสบปัญหาด้านราคา
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ