ชาวบ้านเผยหลังนายกดูงานเสร็จถูกตัดน้ำตัดไฟ รัฐแจงชาวบ้านเข้าใจคลาดเคลื่อนไปเอง

กองบรรณาธิการ TCIJ 3 ก.ย. 2560 | อ่านแล้ว 2412 ครั้ง

ชาวบ้านเผยหลังนายกดูงานเสร็จถูกตัดน้ำตัดไฟ รัฐแจงชาวบ้านเข้าใจคลาดเคลื่อนไปเอง

ชาวบ้านสระแก้วร้องเรียนว่าภายหลังนายกรัฐมนตรีได้เดินทางมามอบหนังสืออนุญาตให้สถาบันเกษตรกรเข้าทำประโยชน์ในที่ดินเขตปฏิรูปที่ดิน เพียงข้ามคืนเสาไฟฟ้าและสายไฟฟ้าถูกรื้อกลับหมด น้ำประปาถูกตัดขาดชาวบ้านไม่มีน้ำรดต้นไม้และพืชผักที่ปลูกไว้ ด้านโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน พื้นที่จัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. หมู่ 14 ต.หนองม่วง อ.โคกสูง ยังไม่มีการขยายเขตไฟฟ้าและประปาเข้าไปในพื้นที่แต่อย่างใดเพียงแค่นำไปติดตั้งสาธิต-เสร็จภารกิจเจ้าหน้าที่จึงได้รื้อถอนระบบกลับคืน ที่มาภาพ: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

เมื่อวันที่ 2 ก.ย 2560 ที่ผ่านมา สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมฯ ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอเรียกร้องให้หยุดพฤติกรรม 'ผักชีโรยหน้า' ในการลงพื้นที่สร้างภาพของนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่าตามที่ปรากฏว่ามีชาวบ้านหมู่ 14 ต.หนองม่วง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ร้องเรียนว่าภายหลังพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมามอบหนังสืออนุญาตให้สถาบันเกษตรกรเข้าทำประโยชน์ในที่ดินเขตปฏิรูปที่ดิน หรือ สปก. เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2560 ที่ผ่านมาโดยจัดสรรให้เกษตรผู้ยากไร้ รายละ 6 ไร่แยกเป็นแปลงที่อยู่อาศัย 1 ไร่ แปลงเกษตรกรรม จำนวน 5 ไร่ รวม 65 ราย ซึ่งมีการสร้างถนนทางเข้าหมู่บ้าน ทำระบบประปาโดยสูบน้ำบาดาลมาใช้ได้ในขณะที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดน้ำจากวาล์วปิด-เปิดประปาให้น้ำไหลเข้าสู่แปลงเกษตรกรรมส่วนไฟฟ้าได้ติดตั้งเสาไฟฟ้าตลอดข้างทางเข้าไปในหมู่บ้านสามารถใช้กระแสไฟฟ้าได้ตามปกติ แต่หลังนายกรัฐมนตรีกลับไปแล้วเพียงข้ามคืนเสาไฟฟ้าและสายไฟฟ้าถูกรื้อกลับหมด น้ำประปาถูกตัดขาดชาวบ้านไม่มีน้ำรดต้นไม้และพืชผักที่ปลูกไว้เริ่มเหี่ยวเฉา วัวโครงการโคบาลบูรพาที่เลี้ยงไม่มีน้ำให้กินกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมว่าการมาเยือนของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้มีลักษณะพฤติกรรม “ผักชีโรยหน้า” ของระบบราชการไทยนั้น

กรณีดังกล่าวไม่ใช่เป็นกรณีแรกของสังคมไทยที่เหล่าข้าราชการส่วนใหญ่จะใช้เป็นกลวิธีหลอกลวงสาธารณะเพื่อสร้างภาพให้ผู้บริหารประเทศหรือผู้บังคับบัญชาผิดหลงต่อความจริงว่านโยบายของตนสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้เกิดมรรคผลอันดีเลิศประเสริฐศรีแล้วและสามารถเอาไปคุยโม้โอ้อวดหลอกประชาชนได้เต็มที่แต่ในที่สุดความจริงก็คือความจริงซึ่งแสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ของระบบราชการไทยได้ชัดเจนที่สุดในยุคนี้ พ.ศ.นี้

นอกจากนี้พฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นการปกปิดข้อมูลข่าวสารสาธารณะอันเกี่ยวเนื่องจากการจัดให้มีมาตรการหรือกลไกที่ช่วยให้เกษตรกรประกอบเกษตรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพถือได้ว่าเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 59 ประกอบมาตรา 73 และเข้าข่ายความผิดอาญามาตรา 343 ประกอบมาตรา 341 และ 342(2) แห่งประมวลกฎหมายอาญาโดยชัดแจ้งที่ว่า “ผู้ใดโดยทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการปกปิดข้อความจริงที่ควรบอกให้แจ้งด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน” ซึ่งมีโทษทางอาญาค่อนข้างสูงด้วย

ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมฯใคร่เรียกร้องมายัง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้โปรดสั่งการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบและเอาผิดลงโทษพนักงานเจ้าหน้าที่และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการไปสร้างกิจกรรม “ผักชีโรยหน้า”สร้างภาพหลอกลวงประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวเสียโดยเร็วและขอเรียกร้องให้หยุดการจัดประชุม ครม.สัญจร ได้แล้วเพราะการลงพื้นที่ของ ครม.และหรือนายกรัฐมนตรีแต่ละครั้งจะต้องมีการใช้ทหารและตำรวจมาอารักษาถึง 2-3 พันคนต้องสูญเสียงบประมาณเบี้ยเลี้ยงและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เป็นภาษีของประชาชนจำนวนมากให้กับบุคลากรเหล่านี้เพียงเพื่อมาสร้างภาพโฆษณาชวนเชื่อไปวัน ๆ เท่านั้น

ทั้งนี้รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนจึงไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องไปทำเสแสร้งอยากใกล้ชิดประชาชน

'สรรเสริญ' แจงชาวบ้านร้องเรียน จนท.ตัดน้ำตัดไฟหลังนายกฯ กลับจากตรวจราชการ เพราะเข้าใจคลาดเคลื่อน

ต่อมา สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ รานงานว่าพลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อมวลชนบางสำนักนำเสนอข่าวชาวบ้าน หมู่ 14 ตำบลหนองม่วง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้าที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปมอบหนังสืออนุญาตให้สถาบันเกษตรกรเข้าทำประโยชน์ในเขตที่ของ ส.ป.ก. เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2560 นั้น ได้มีการสร้างถนนเข้าหมู่บ้าน พร้อมกับติดตั้งระบบไฟฟ้าและน้ำประปา แต่หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับ เสาไฟฟ้าได้ถูกรื้อถอน และระบบประปาถูกตัดขาด ว่า “เรื่องดังกล่าวอาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของผู้ร้องเรียน ซึ่งไม่ถือว่าผิดหรือถูก แต่เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องชี้แจงอธิบายความให้เกิดความกระจ่าง โดยทางจังหวัดสระแก้วได้รายงานว่า ขณะนี้พื้นที่จัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. หมู่ 14 ตำบลหนองม่วง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ยังไม่มีการขยายเขตไฟฟ้าและประปาเข้าไปในพื้นที่แต่อย่างใด เนื่องจากยังไม่มีประชาชนหรือเกษตรกรตั้งบ้านเรือนอยู่อาศัยในบริเวณนั้น กรณีที่มีกระแสไฟฟ้าใช้ในวันที่นายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่นั้น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอรัญประเทศได้ปักเสาไฟฟ้าและพาดสายไฟฟ้าชั่วคราว พร้อมทั้งนำเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเคลื่อนที่ไปติดตั้งสำหรับการใช้งาน ส่วนระบบน้ำที่นำมาใช้เป็นเพียงการต่อท่อลงในแปลงเกษตร เพื่อสาธิตให้เห็นถึงต้นแบบการดำรงชีวิตของเกษตรกรที่เหมาะสมว่าควรเป็นเช่นไร โดยนำน้ำมาจากถังน้ำที่รถบรรทุกขนส่งน้ำไปเติมไว้ก่อนแล้ว ร่วมกับการใช้กระแสไฟฟ้าจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสูบน้ำไปใช้ในพื้นที่ และเมื่อเสร็จภารกิจเจ้าหน้าที่จึงได้รื้อถอนระบบกลับคืน”

สำหรับกรณีวัวประชารัฐขาดน้ำกินนั้น สำนักงานปศุสัตว์ จ.สระแก้ว ยืนยันว่า วัวประชารัฐทุกตัวได้รับการดูแลเป็นอย่างดีทั้งในเรื่องอาหารและน้ำ อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาอรัญประเทศ นายอำเภอโคกสูง นายก อบต.หนองม่วง กำนัน ต.หนองม่วง ไปพบชาวบ้าน เกษตรกร และผู้สื่อข่าวในพื้นที่ เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจในรายละเอียดทั้งหมด ณ หอประชุมอำเภอโคกสูง พร้อมกับยืนยันว่าหากมีประชาชนปลูกที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวและมีเลขที่บ้านแล้ว ก็สามารถยื่นความจำนงขอติดตั้งระบบไฟฟ้าและประปาถาวรได้ตามระเบียบของทางราชการ

ท้ายที่สุดต่อเรื่องดังกล่าว พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยทั้งการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และความรู้สึกของพี่น้องประชาชนจึงได้กำชับว่า ในโอกาสต่อไป ขอให้เจ้าหน้าที่เตรียมการเท่าที่จำเป็นและดำเนินการด้วยความระมัดระวัง หากมีการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหรือกระทบความรู้สึกของประชาชน ก็จะต้องชี้แจงทำความเข้าใจด้วยความรัดกุม ทั้งก่อนและหลังการปฏิบัติงาน เพราะการทำงานจริงมีการบูรณาการ ของหลายหน่วยงาน ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะเช่นเดียวกันนี้อีก

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: