DSI สนธิกำลัง ตำรวจภูธรภาค 3 บุกเข้าจับกุม ผู้ฮั้วประมูลงานโครงการต่างๆของรัฐ ผ่านระบบ e-bidding ของกรมบัญชีกลาง ขณะกำลังส่งราคาให้กับลูกค้าแบบเรียลไทม์ พบทำมาแล้วตั้งแต่ปี 2558 ทำให้รัฐเสียหายเป็นวงเงินจำนวนมาก ที่มาภาพประกอบ: กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง

เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2560 ที่ผ่านมา news.ch7.com รายงานว่าเจ้าหน้าที่ชุดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI และชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 บุกเข้าจับกุม นายภู หรือ หน่อย ภูช่อธรรม อายุ 58 ปี ชาวจังหวัดยโสธร ภายในห้องทำงานของร้านเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง ในตำบลสำราญ อำเภอเมืองยโสธร ขณะกำลังส่งข้อมูลการประกวดราคาโครงการซื้อหินและวัสดุต่าง ๆ 12 รายการ ของโครงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ที่อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ผ่านระบบ e-bidding ของกรมบัญชีกลาง ที่กำลังเปิดให้ประกวดราคาแบบเรียลไทม์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมได้ ก่อนที่กรมบัญชีกลางจะปิดประกวดราคาเพียงไม่กี่นาที

การจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก พันตำรวจเอกดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้รับแจ้งจากสายข่าวถึงการลักลอบซื้อขายข้อมูลการประกวดราคาโครงการต่างๆของรัฐ ผ่านระบบ e-bidding ของกรมบัญชีกลาง จึงสั่งการให้ DSI ตั้งชุดทำงานขึ้นมาตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐาน เข้าจับกุมในที่สุด เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ จึงยังไม่ทราบว่าได้รับข้อมูลรายชื่อและราคาที่ประกวดผ่านระบบ e-bidding จากผู้ใด

วิธีการฮั้วประมูลของผู้ต้องหารายนี้ มี 2 ลักษณะ คือผู้ต้องหาจะซื้อรายชื่อบริษัทที่สมัครยื่นซองประกวดราคาผ่านกรมบัญชีกลางในวันที่ปิดรับสมัคร และจะโทรไปเสนอเงินเพื่อให้บริษัทต่าง ๆ ร่วมฮั้วประมูล หากบริษัทใดร่วมก็จะได้ส่วนแบ่ง โดยให้ทุกบริษัทเสนอราคาสูงสุดที่กรมบัญชีกลางตั้งไว้ ก่อนผู้ต้องหาจะให้บริษัทที่ซื้อการประมูลไปเคาะราคาต่ำกว่าเพียงเล็กน้อย เพื่อให้ได้โครงการนั้นไป หรืออีกวิธีคือหากบริษัทที่ยื่นซองประมูลไม่ร่วมฮั้วประมูลด้วย ในวันประมูลจะมีคนที่เข้าระบบ e-bidding ได้โทรมาแจ้งการประกวดต่ำสุดของโครงการนั้น ๆ ที่ผู้ต้องหาต้องการ จากนั้นผู้ต้องหาจะให้ผู้ซื้อการประมูลเข้าไปเคาะประกวดราคาต่ำกว่าเพียงเล็กน้อย ก่อนถึงเวลาปิดประกวดราคา เช่น หากมีบริษัทที่ประกวดราคาต่ำสุดที่ 8 ล้านบาท ผู้ซื้อการประมูลจะเข้าไปประกวดราคาต่ำกว่าเพียง 5,000 บาท เพื่อชนะการประมูล

ซึ่งทั้ง 2 วิธีจะต้องมีผู้ที่เข้าระบบ หรือเจาะข้อมูล e-bildding ของกรมบัญชีกลางได้ เพราะผู้ร่วมประกวดราคาจะไม่ทราบราคา หรือแม้แต่ชื่อบริษัทคู่แข่ง ก่อนขายข้อมูลต่อให้กับผู้ต้องหา จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาได้ส่วนแบ่งจากการฮั้วประมูลโครงการละ 1% และนำไปแบ่งกับผู้ขายข้อมูลของกรมบัญชีกลางคนละครึ่ง ซึ่งมีการทำมาแล้วตั้งแต่ปี 2558 ส่วนใหญ่เป็นโครงการในพื้นที่จังหวัดภาคกลางและภาคอีสาน ของกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทางหลวงชนบท รวมถึงการก่อสร้างโรงพยาบาล แต่ละเดือนผู้ต้องหามีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 40-50 ล้านบาท

เบื้องต้น DSI แจ้งข้อหาฐานความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ฮั้วประมูล และความผิดว่าด้วย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก่อนส่งตัวไปฝากขังไว้ที่ค่ายบดินทรเดชา จังหวัดยโสธร เพื่อทำการขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่มีความผิดร้ายแรง ทำให้รัฐเสียหายเป็นวงเงินจำนวนมาก