โฆษก กอ.รมน.เผยหลัง คสช.ประกาศเพิ่มพื้นที่ป่ายึดคืนผืนป่าได้แล้วกว่า 5 แสนไร่ พบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่อุทยานแห่งชาติถูกบุกรุกปลูกยางพารามากถึง 3.09 ล้านไร่ แยกเป็นภาคเหนือ 367,300 ไร่ ภาคกลาง 469,300 ไร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 715,300 ไร่ และภาคใต้ 1,547,500 ไร่ ที่มาภาพ: สำนักข่าวไทย
สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2560 ที่ผ่านมาว่าพ.อ. พีรวัชฌ์ แสงทอง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่าหลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศแผนพลิกฟื้นผืนป่าสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่ป่าไม้จากที่มีอยู่ประมาณ 102 ล้านไร่เป็น 128 ล้านไร่ในระยะเวลา 10 ปี ปัจจุบันสามารถยึดคืนผืนป่าได้แล้ว 5 แสนไร่เศษ และอยู่ระหว่างดำเนินคดีอีกจำนวนหนึ่ง
“จากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่อุทยานแห่งชาติถูกบุกรุกปลูกยางพารามากถึง 3.09 ล้านไร่ แยกเป็นภาคเหนือ จำนวน 367,300 ไร่ ภาคกลาง จำนวน 469,300 ไร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 715,300 ไร่ และภาคใต้ จำนวน 1,547,500 ไร่ ทางกอ.รมน.ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กอ.รมน.จังหวัด กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัด ฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการทำงานร่วมกันเพื่อหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้” โฆษกกอ.รมน. กล่าว
พ.อ. พีรวัชฌ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่มุ่งเน้นการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มนายทุนที่บุกรุกผืนป่าปลูกยางพารา ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 และ 2 และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยกำหนดลักษณะพื้นที่เป้าหมายและวิธีดำเนินการ คือเจ้าของสวนยางพาราเป็นของนายทุน กลุ่มทุน หรือผู้มีอิทธิพล เป็นพื้นที่ครอบครองโดยผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และไม่อยู่ในเงื่อนไขการผ่อนผันให้ครอบครอง เป็นพื้นที่บุกรุกหลังปี พ.ศ.2545 (มติ ครม. 30 มิ.ย.41) หรือเป็นพื้นที่ถูกบุกรุกก่อนและเปลี่ยนมือผู้ถือครอง เป็นพื้นที่ที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี และเป็นพื้นที่ที่ดำเนินคดีไปแล้ว แต่มีการกระทำผิดซ้ำ หรือเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนมือผู้ครอบครอง
“กอ.รมน.ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และขอความร่วมแรงร่วมใจจากคนไทยทุกคน ในการร่วมกันอนุรักษ์ ดูแล รักษาป่า และย่าตกเป็นเครื่องมือหรือกลไกของกลุ่มนายทุนในการบุกรุกผืนป่า ขอให้ทุกคนผนึกกำลังร่วมกันแก้ไขปัญหา ร่วมกันพลิกฟื้นผืนป่า เพื่อไม่ให้พื้นที่ป่า 102 ล้านไร่ที่เหลืออยู่นี้ กลายเป็นป่าผืนสุดท้าย และค่อย ๆ หดหายไปจนไม่เหลือแม้ต้นไม้สักต้นเดียว” โฆษกกอ.รมน. กล่าว
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ