รัฐบาลมาเลเซีย นำโดย Najib Razak ลงนามบันทึกความเข้าใจครั้งใหญ่กับบริษัทจากอินเดีย 31 บริษัท โดยการลงนามดังกล่าวมีมูลค่ามหาศาลระหว่าง 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการสนับสนุนจากรัฐบาลอินเดีย ซึ่งจะเป็นการลงทุนในมาเลเซีย 32,130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอีก 3,860 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับโปรเจ็กต์ลงทุนในอินเดีย โดยบริษัทจากมาเลเซียจะเข้ามาลงทุนและพัฒนาด้านระบบโครงสร้างพื้นฐานในประเทศอินเดีย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโจทย์สำคัญของนายกรัฐมนตรี Narendra Modi ที่ต้องการอัพเกรดคุณภาพชีวิตของประชาชน
โครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว ได้แก่ การก่อสร้างไฮเวย์ โรงงานโซลาร์พาวเวอร์ โครงการพัฒนาน้ำมันปาล์ม และการส่งเสริมด้านการศึกษา นอกจากนี้ การลงทุนยังครอบคลุมไปถึงความร่วมมือการพัฒนาคุณภาพอาหารฮาลาลในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นการผลิตเนื้อสัตว์ ระหว่างบริษัทของ 2 ประเทศ
อย่างไรก็ตามในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา มาเลเซียร่วมลงทุนไปหลายโปรเจ็กต์ โดยเมื่อพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา มาเลเซียเพิ่งหันหลังให้พันธมิตรอเมริกา มาจับมือกับจีน ในการลงนามการค้าและเศรษฐกิจมูลค่า 32,480 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นการวางเดิมพันครั้งใหม่ของมาเลเซีย และเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Alibaba ประกาศเป็นพาร์ตเนอร์กับรัฐบาลมาเลเซีย ในการพัฒนาเขตการค้าเสรีดิจิทัล (Digital Free Trade Zone) ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะตั้งอยู่บริเวณสนามบินกัวลาลัมเปอร์ พร้อมจัดสร้างระบบเพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางอีคอมเมิร์ซของภูมิภาค
ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่า ความสำเร็จทั้งหลายและความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจของ Najib จะช่วยทำให้ตำแหน่งของเขามั่นคงมากขึ้น เพราะ Najib ยังอยู่ภายใต้ข้อกล่าวหาคอร์รัปชั่นเงินจากกองทุน 1MDB ซึ่งเขาก่อตั้งเมื่อปี 2552 และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐยื่นฟ้องคนใกล้ชิดและอายัตทรัพย์สินจากการฟอกเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นข่าวฉาวที่ทำให้ชาวมาเลเซียนับแสนคนสวมเสื้อเหลือง เดินขบวนประท้วงเรียกร้องให้ Najib รับผิดชอบด้วยการลาออก
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ