องค์กรกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) แถลงเตือนว่าช้างป่าเป็นสายพันธุ์ที่กำลังเผชิญภาวะวิกฤต หลังจากช้างป่าในพม่าถูกล่าเป็นจำนวนมาก เพราะหนังช้างมีความต้องการในตลาดสูง ขณะที่นักล่าสัตว์กำลังเล็งเป้ามาที่บรรดาแม่ช้างลูกช้างมากขึ้น โดยใช้ลูกดอกอาบยาพิษในการฆ่าให้ตายอย่างช้าๆ ก่อนจะถลกหนัง ซึ่งหนังช้างกลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ล่าสุดที่ถูกอ้างว่ามีสรรพคุณทางการแพทย์

กลุ่มนักอนุรักษ์สัตว์ป่า เผยว่าพบซากช้างถูกถลกหนังแล้วอย่างน้อย 20 ตัว ใน 2 พื้นที่ที่เฝ้าสังเกตสัตว์ป่า ซึ่งมากกว่าที่ถูกฆ่าตามปกติตลอดทั้งปี โดยผู้เชี่ยวชาญการบังคับใช้กฎหมายสัตว์ป่าโลกเห็นว่าการล่าช้างในเขตเทือกเขาพะโค (bago) และที่ราบปากแม่น้ำอิรวดีในภาคใต้ของประเทศ มาถึงจุดวิกฤตแล้วเพราะหากช้างป่ายังถูกล่าอยู่เรื่อยๆ ช้างป่างจะหายไปจากพื้นที่ดังกล่าวภายใน 1-2 ปีข้างหน้า

ปัจจุบันป่าของพม่ามีช้างราว 1,400-2,000 ตัว มากเป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากไทย แต่จำนวนกลับลดลงเรื่อยๆ เมื่อพม่ากลายเป็นศูนย์กลางสำคัญในการลอบค้าสัตว์ป่าโลกที่มีมูลค่า 20,000 ล้านต่อปี ด้านรัฐบาลพม่าเผยว่า การล่าช้างเพิ่มขึ้น 10 เท่า ในช่วงหลายปีมานี้ ซึ่งถูกขับเคลื่อนจากความต้องการที่เพิ่มสูงทั้งหนัง และอวัยวะส่วนต่างๆ ที่นำใช้ในยาแผนโบราณ

ที่มาข่าวและภาพประกอบ: United Press International, 6/6/2017