Yanghee Lee ผู้แทนพิเศษของยูเอ็นด้านสิทธิมนุษยชนในพม่า ซึ่งทำหน้าที่อาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัย Sungkyunkwan University ในกรุงโซล เผยว่า จากคำให้การของพยานและรูปแบบของความรุนแรงก่อนหน้านี้ มีความเป็นไปได้สูงว่ารัฐบาลพม่าประเมินตัวเลขผู้เสียชีวิตต่ำเกินไป และอาจมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1,000 คน หรือมากกว่านั้น โดยมากกว่าที่รัฐบาลพม่าแถลงเกิน 2 เท่า ด้านทางการมาเลเซียประกาศพร้อมให้ที่พักพิงชั่วคราวชาวโรฮิงญาอพยพตามความเหมาะสม

ข้อมูลจากการประเมินล่าสุดของหน่วยงานในสังกัดองค์การสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า ภายในช่วงเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีพลเรือนซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นชาวโรฮิงญา อพยพข้ามแดนเข้าบังกลาเทศแล้ว 270,000 คน และยังมีผู้อพยพอีกส่วนหนึ่งที่เสียชีวิตระหว่างทาง ภายหลังหลบหนีออกจากถิ่นฐานบ้านเรือนในรัฐยะไข่ ที่ซึ่งพยานหลายคนเล่าว่าหมู่บ้านถูกเผาราบทั้งหมู่บ้าน นับแต่เหตุการณ์รุนแรงปะทุขึ้นเมื่อพวกกองกำลังติดอาวุธชาวโรฮิงญาโจมตีด่านและค่ายทหารพร้อมกันหลายสิบแห่งเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นสาเหตุทำให้กองทัพพม่าตอบโต้ด้วยการกวาดล้างอย่างรุนแรง

ด้านรัฐบาลมาเลเซียพร้อมมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามความหมาะสมแก่ชาวโรฮิงญา โดย Zulkifli Abu Bakar ผู้อำนวยการสำนักงานตำรวจน้ำมาเลเซีย (Malaysia Maritime Enforcement Agency) เผยว่าจากสถานการณ์สู้รบรุนแรงระลอกใหม่ในรัฐยะไข่ คาดว่าจะส่งผลให้เกิดคลื่นผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาครั้งใหญ่อีกครั้ง แม้ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่พยายามเดินเท้าข้ามพรมแดนไปยังบังกลาเทศ แต่เชื่อว่าน่าจะมีบางส่วนล่องเรือมาตามทะเลอันดามันเพื่อมุ่งหน้าลงทางใต้เช่นกัน

ซึ่งหากมาเลเซียพบเห็นเรือของชาวโรฮิงญาเดินทางเข้ามา สำนักงานตำรวจน้ำจะมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในเบื้องต้นตามเวลาที่เหมาะสม ก่อนปล่อยให้ออกเดินทางต่อไปยังจุดหมายที่ต้องการ อย่างไรก็ตามปัจจุบันมาเลเซียเป็นที่พักพิงของผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจามากกว่า 100,000 คน และรัฐบาลกัวลาลัมเปอร์ยังไม่พบสัญญาณการทะลักเข้าเมืองของผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจากลุ่มใหม่ แต่มาเลเซียไม่ใช่ภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ฉบับปี 2494 หมายความว่าแม้ให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม แต่กลุ่มคนเหล่านี้มีสถานะผู้อพยพผิดกฎหมาย ตามกฎหมายของมาเลเซีย

ที่มาข่าวและภาพประกอบ: The Express Tribune, 8/9/2017
ที่มาข่าวและภาพประกอบ: News.com.au, 8/9/2017