MOU ซื้อไฟฟ้าจากจีนหมดอายุปี 2560 แต่ไทยยังไม่เคยซื้อเลย

กองบรรณาธิการ TCIJ 9 ก.ค. 2560 | อ่านแล้ว 2653 ครั้ง

MOU ซื้อไฟฟ้าจากจีนหมดอายุปี 2560 แต่ไทยยังไม่เคยซื้อเลย

รัฐมนตรีพลังงานไทย-จีน เห็นชอบตั้งคณะทำงาน 3 ประเทศ (ไทย-จีน-สปป.ลาว) กำหนดกรอบพัฒนาการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกันใหม่ หลัง MOU ที่ไทยจะซื้อไฟฟ้าจากจีน 3,000 เมกะวัตต์ หมดอายุปี 2560 แต่ไทยยังไม่มีการซื้อไฟฟ้าจากจีนเลย คาดกรอบใหม่จะรับซื้อแค่ 800-1,000 เมกะวัตต์ ที่มาภาพประกอบ: seasite.niu.edu

เว็บไซต์ Energy News Center รายงานเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2560 ที่ผ่านมาว่าพล.อ.ณัฐติพล กนกโชติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า นายหนูเอ่อ ไป๋เค่อลี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เดินทางเข้าพบพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของไทย เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2560 เพื่อประสานความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างกันให้มากขึ้น โดยจีนได้เสนอขายไฟฟ้าให้กับประเทศไทยผ่านเข้ามาทาง สปป.ลาว เนื่องจากจีนสามารถผลิตไฟฟ้าได้ในราคาถูกกว่าไทยและปริมาณมาก ประกอบกับเห็นว่าประเทศไทยมีความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้นในอนาคต จึงเสนอเป็นทางเลือกหนึ่งให้ไทยพิจารณา

อย่างไรก็ตามทางประเทศไทยได้เสนอให้จีนกลับไปพิจารณาราคาขายไฟฟ้าที่เหมาะสมและมีราคาถูกให้กับไทย ซึ่งเป็นเพียงการหารือในเบื้องต้นเท่านั้นและยังไม่มีการทำข้อตกลงการซื้อขายไฟฟ้าต่อกัน อีกทั้งปัจจุบันไทยและจีนยังไม่มีการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกันด้วย

แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบกรอบความร่วมมือการซื้อขายไฟฟ้าไทย-จีน และได้มีการลงนามกรอบความร่วมมือ(MOU) การซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกัน 3,000 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ปี 2541 โดยไทยจะส่งเสริมให้เกิดการซื้อไฟฟ้าจากจีนภายในปี 2560 อย่างไรก็ตาม MOU ดังกล่าวได้หมดอายุลงแล้วและไทยยังไม่มีการซื้อไฟฟ้าจากจีนเลย

ทั้งนี้ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการพลังงานของไทยและจีน ได้เห็นชอบให้จัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน 3 ประเทศ คือ ไทย จีน และสปป.ลาว เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ในการซื้อขายไฟฟ้า โดยเบื้องต้นกรอบการซื้อขายไฟฟ้าไทย-จีน จะลดลงจาก 3,000 เมกะวัตต์เหลือเพียง 800-1,000 เมกะวัตต์ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าของไทย พร้อมกันนี้จะหารือด้านราคาค่าไฟฟ้าและการพัฒนาสายส่งไฟฟ้าต่อไป เมื่อได้ข้อสรุปจะนำเสนอต่อ ครม.พิจารณา

แหล่งข่าวกล่าวว่านอกจากนี้จีนได้แสดงให้เห็นถึงทิศทางพลังงานใหม่ของโลก ซึ่งจะมาจาก "น้ำแข็งมีเทน" หรือที่รู้จักกันในชื่อ น้ำแข็งติดไฟ ซึ่งคาดว่าจะโลกจะสามารถพึ่งพาได้เป็นระยะเวลาเป็นพันๆ ปี โดยน้ำแข็งมีเทนเป็นเชื้อเพลิงที่มีค่าความร้อนสูงกว่าถ่านหิน สามารถจุดติดไฟได้ทันที ซึ่งก้อนน้ำแข็งมีเทนจะพบมากใต้พื้นดินใต้ทะเล ขณะที่ประเทศทางฝั่งยุโรปก็มีน้ำแข็งติดไฟอยู่มากเช่นกัน แต่อยู่ที่ประเทศใดจะมีเทคโนโลยีที่สามารถขุดขึ้นมาใช้ได้ ที่ผ่านมาประเทศญี่ปุ่นก็เคยนำน้ำแข็งติดไฟขึ้นมาศึกษาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม จีนระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบข้อเสียของน้ำแข็งติดไฟที่ชัดเจน และกำลังดูในเรื่องของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอยู่ ก่อนจะนำมาใช้จริงในอนาคตต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมาสำนักธรณีวิทยาจีนของจีน เคยออกมาประกาศว่า ประสบความสำเร็จในการขุดและนำน้ำแข็งติดไฟขึ้นมาจากบริเวณเสิ่นหูในทะเลจีนใต้ โดยจุดที่ขุด ลึกลงไปใต้ทะเล 1,266 เมตร

โดยน้ำแข็งติดไฟเป็นชื่อเรียกง่ายๆของก๊าซธรรมชาติในรูปของแข็ง หรือ NGH ประกอบด้วยก๊าซมีเทน เกือบ 100% และก่อมลพิษน้อยกว่าถ่านหิน น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เพราะน้ำแข็งติดไฟ 1 ลูกบาศก์เมตร สามารถให้พลังงานมากเท่ากับก๊าซธรรมชาติ 164 ลูกบาศก์เมตร

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: