ธนาคารโลกได้เผยแพร่รายงาน “Doing Business 2018: Reforming to Create Jobs” หรือรายงานความยากง่ายในการทำธุรกิจประจำปี 2561 โดยประเทศไทย มีอันดับที่ 26 จาก 190 ประเทศของโลกดีขึ้นกว่า 20 ลำดับจากลำดับที่ 46 ในปี 2560 และขึ้นเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนรองจากสิงคโปร์ ที่มาภาพประกอบ: worldbank.org
เว็บไซต์ thaigov.go.th รายงานว่าเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2560 ธนาคารโลกได้เผยแพร่รายงาน “Doing Business 2018: Reforming to Create Jobs” หรือรายงานความยากง่ายในการทำธุรกิจประจำปี 2561 โดยประเทศไทย มีอันดับที่ 26 จาก 190 ประเทศของโลกดีขึ้นกว่า 20 ลำดับจากลำดับที่ 46 ในปี 2560 โดยเฉพาะด้านความสะดวกในการชำระภาษี (Paying taxes) ของประเทศไทยดีขึ้นกว่า 42 ลำดับจากปีก่อน จากลำดับที่ 109 ในปี 2560 มาอยู่ที่ลำดับที่ 67 ของโลกในปี 2561 หรืออยู่ลำดับที่ 2 ของอาเซียน เป็นรองเพียงสิงคโปร์เท่านั้น
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า “เนื่องจากปีที่ผ่านมารัฐบาลได้มีนโยบายสนับสนุนส่งเสริมการประกอบธุรกิจในประเทศในหลายด้าน ประกอบกับกรมสรรพากรได้พัฒนาเครื่องมือ และนำเทคโนโลยีหลายๆ ด้านมาสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษีตามนโยบาย Thailand 4.0 เช่น ระบบการตรวจสอบตามเกณฑ์ความเสี่ยง (Risk Based Audit Approach : RBA) ที่กรมสรรพากรได้เริ่มนำมาใช้ส่งผลให้ผู้เสียภาษีที่ปฏิบัติถูกต้อง เป็นผู้ประกอบการที่ดีตามนโยบายบัญชีเดียว ไม่เข้าเกณฑ์ความเสี่ยงก็จะได้คืนภาษีและได้รับบริการต่างๆ ที่รวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำยิ่งขึ้น รวมถึงกรมสรรพากรได้จัดทำคู่มือภาษีสำหรับผู้ประกอบการเป็นรายอุตสาหกรรม เช่น ร้านยา ร้านทอง รวมถึงการจัดอบรมสัมมนาภาษีตลอดทั้งปี เพื่อผู้เสียภาษีจะได้ปฏิบัติตามนโยบายภาษีได้อย่างถูกต้อง มั่นใจ และลดต้นทุนด้านการชำระภาษีให้แก่ผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก”
กรมสรรพากรคาดหมายว่าในอนาคตหากประเทศไทยสามารถนำระบบ E-tax Invoice, E-Withholding tax มาอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษีในประเทศไทยได้อย่างสมบูรณ์ ต้นทุนการประกอบธุรกิจในประเทศไทยจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ก็จะช่วยยกลำดับความสามารถในการแข่งขันด้านการชำระภาษีของประเทศจะดีขึ้นแบบก้าวกระโดด
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ