สำนักพระพุทธศาสนา (พศ.) ลุยสอบโรงเรียนพระปริยัติธรรม หลังคนร้องแจ้งจำนวนสามเณรเข้าเรียนแผนกสามัญทั้ง ม.ต้น-ม.ปลาย เป็นเท็จ ขณะที่ ผอ.พศ.ลำปาง รับคุมยาก
ASTV ผู้จัดการออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2560 ที่ผ่านมาว่าหลังจาก พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการ พศ. ได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุดถึง ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัด เรื่อง ตรวจสอบจำนวนนักเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ลงวันที่ 29 มิ.ย.60 เนื่องจากมีการร้องเรียนว่ามีการแจ้งจำนวนผู้เรียนเป็นเท็จ
โดยระบุว่า “ด้วยมีผู้ทำหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับจำนวนนักเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ว่า โรงเรียนพระปริยัติธรรม ได้ทำการเปิดการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลายหลายแห่งมีจำนวนนักเรียนในโรงเรียนจริงๆน้อยมาก มีการแจ้งจำนวนนักเรียนเป็นเท็จ การตรวจสอบจำนวนนักเรียนก็ดูเฉพาะตัวเลขตามที่โรงเรียนแจ้งให้ทราบเท่านั้น ไม่มีการตรวจสอบจำนวนตัวเลขที่แท้จริง
ประกอบกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้มีหนังสือลงวันที่ 9 พ.ค.60 แจ้งให้ทำการตรวจสอบและรับรองข้อมูลสถิติพื้นฐานและข้อมูลรายบุคคล (e-Citizen) ของโรงเรียนและรับรองข้อมูลตามแบบรายงานสถิติข้อมูลแบบ จ.3-2 จัดส่งให้กองพุทธศาสนศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติภายในวันที่ 9 มิ.ย.2560
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติขอเรียนว่า เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบจำนวนนักเรียนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและถูกต้องตามกฏหมายจึงขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดร่วมกับสำนักงานกลุ่มโรงเรียนพระปริยัติธรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลจำนวนนักเรียนให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน พร้อมให้รับรองข้อมูลมาตามแบบรายงานสถิติพื้นฐานและข้อมูลรายบุคคล (e-Citizen) ของโรงเรียน และแบบรายงานสถิติข้อมูลแบบ จ.3-2 และจัดส่งให้กองพุทธศาสนศึกษาภายในวันที่ 6 ก.ค.60
สำหรับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดใดที่ได้รายงานข้อมูลตามแบบรายงานสถิติพื้นฐานและข้อมูลรายบุคคลของโรงเรียน และแบบรายงานสถิติข้อมูลแบบ จ.3-2 แล้ว หากเห็นว่าข้อมูลดังกล่าวถูกต้องเป็นความจริง ก็ให้ทำหนังสือยืนยันข้อมูลอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้หากไม่รายงานข้อมูลดังกล่าวมาภายในวันเวลาที่กำหนด จะส่งผลให้การจัดสรรเงินอุดหนุนการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม ในไตรมาสที่ 4 ไม่เป็นไปตามแผนปฎิบัติการใช้จ่ายงบประมาณ”
ดร.บุญเลิศ โสภา ผอ.พศ.ลำปาง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการตั้งกรรมการขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง เพื่อเข้าไปดูว่าจำนวนสามเณรที่เรียนในโรงเรียนพระปริยัติธรรม ในลำปางที่มีอยู่ 9 โรงเรียน ว่าปัจจุบันจำนวนนักเรียนมีเท่าไหร่ ตรงกันกับที่แจ้งไปหรือไม่ ซึ่งที่จริงแล้วก็เห็นใจทางโรงเรียน เพราะเด็กที่มาเรียนไม่ได้เป็นเด็กในระบบทั่วไป ที่เมื่อถึงเกณฑ์ก็ต้องเข้าเรียนตามระบบมีพ่อ-แม่
ส่วนเด็กที่มาเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรม มาจากหลากหลายพื้นที่ไม่เฉพาะลำปาง ไม่เฉพาะภาคเหนือ มาจากภาคอื่นๆอาทิ ใต้ อีสาน ภาคกลาง มาจากชาวเขา มาจากชนบท บางรูปก็มีพ่อ-ไม่มีแม่ บางรูปก็มีแม่-ไม่มีพ่อ บางรูปไม่มีทั้งพ่อและแม่ ตา-ยายเป็นผู้ดูแล
“เด็กกลุ่มนี้หากจะไปเข้าเรียนภาคบังคับแบบมีคุณภาพ ความเป็นอยู่จะอยู่อย่างไร ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตประจำวันจะทำอย่างไร ก็อาศัยพระพุทธศาสนาช่วยให้เขาลืมตาอ้าปากได้ พระพุทธศาสนาให้โอกาส และได้ช่วยทางราชการไปด้วยเพราะไม่มั่นใจว่าคนเหล่านี้หากไม่ได้บวชแล้วจะได้เรียนหนังสือหรือไม่ จะติดยาเสพติดไหม เกเรไหม ตอบไม่ได้”
ขณะที่เด็กมาจากลหากหลายที่ ณ วันนี้ตัวเลขมีเท่านี้ แต่ผ่านไปอีกเดือน หรือ 2 เดือน ตัวเลขก็อาจจะแปรปรวน อาจจะเพิ่ม หรืออาจจะหาย บางครั้งกลับบ้านไปลาสิขาแล้วก็ไม่กลับมา บางทีวันดีคืนดีหายไปไหนก็ไม่รู้ ดังนั้นตัวเลขสามเณรจึงจะขึ้นๆลงๆแบบนี้ ไม่เหมือนเด็กในพื้นที่ ประเด็นนี้ ก็น่าเห็นใจ
อย่างไรก็ตามขณะนี้จะต้องตรวจสอบจำนวนนักเรียนที่มีอยู่ตามความเป็นจริงก่อนว่า มีจำนวนเท่าไหร่ การร้องเรียนจึงไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หรือบางคนอาจจะหวังดีประสงค์ร้ายก็มี ดังนั้นต้องตรวจสอบก่อนว่า ณ ตอนนี้มีจำนวนนักเรียนเท่าไหร่ อีก 2 เดือนอาจจะไม่เหมือนเดิม เพราะเด็กไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ไม่มีผู้ปกครองดูแล ปิดเทอมเด็กกลับบ้านก็อาจจะไม่มาอีกก็เป็นได้
ขณะที่งบประมาณที่ พศ.จัดสรรมาให้สามเณร ได้รับและใช้ไปแล้วบางส่วน เช่นได้รับงบมา 3 เดือน เณรใช้ไปแล้ว 2 เดือน เข้าเดือนที่ 3 ได้ใช้ไปครึ่งเดือน แต่อีกครึ่งเดือนหายไปไม่กลับมาอีก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ควบคุมยากมาก ก็เห็นใจโรงเรียนแผนกสามัญ ดังนั้นจึงอยากให้ดูที่คุณภาพของเด็กที่จบไปแล้วว่าเป็นอย่างไร เป็นไปตามที่กระทรวงกำหนดหรือไม่ ทั้งเรื่องตัวโรงเรียน การบริหารจัดการและผู้เรียน ที่ต้องสอดคล้องกันทั้งหมด ซึ่งวันนี้ต้องทำให้ดีที่สุด
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ