เกษตรมวิชาการเกษตรลุยกำจัด "หนอนหัวดำ" ระบาดแล้ว 78,954 ไร่ ชี้กระทบต่ออุตสาหกรรมมะพร้าวไทยมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท เร่งตัดวงจรก่อนแพร่ระบาดลามพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน เตือนเกษตรกร-ผู้บริโภคอย่าตื่นตระหนก มีผลงานวิจัยรองรับปลอดสารตกค้างทั้งในน้ำและเนื้อมะพร้าว ไม่มีผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่มาภาพประกอบ: ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตร ด้านอารักขาพืชจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ไทยโพสต์ รายงานเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2560 ที่ผ่านมาว่านายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า จากปัญหาการระบาดรุนแรงของหนอนหัวดำในสวนมะพร้าว คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 287.73 ล้านบาท ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการป้องกันกำจัดศัตรูมะพร้าว (หนอนหัวดำ) ด้วยวิธีผสมผสานแบบครอบคลุมพื้นที่ โดยการมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืนในพื้นที่ 78,954 ไร่ ใน 29 จังหวัด ตั้งแต่เดือนเมษายน-ธันวาคม 2560 โดยกรมวิชาการเกษตร ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร ได้จัดทำโครงการเร่งป้องกันกำจัดศัตรูมะพร้าว (หนอนหัวดำ) ในมาตรการขั้นเด็ดขาดทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อตัดวงจรการระบาดไม่ให้แพร่ระบาดไปยังพื้นที่ปลูกพืชเศรษฐกิจคือ ปาล์มน้ำมัน และเพื่อควบคุมไม่ให้แพร่ระบาดไปยังพื้นที่แห่งใหม่ด้วย
หนอนหัวดำมะพร้าว เป็นแมลงศัตรูมะพร้าวต่างถิ่นที่ระบาดเข้ามาในไทย พบการระบาดครั้งแรกที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นแมลงศัตรูที่สำคัญชนิดหนึ่งของมะพร้าวในแถบเอเชียใต้ ได้แก่ อินเดีย ศรีลังกา ปากีสถาน เมียนมา และบังกลาเทศ สำหรับประเทศไทย หนอนหัวดำมะพร้าวสามารถแพร่กระจายตัวโดยติดไปกับต้นกล้ามะพร้าว หรือปาล์มประดับ ผลมะพร้าว หรือส่วนใบมะพร้าว ซึ่งถูกนำมาจากแหล่งที่มีการระบาดเข้าไปในพื้นที่ใหม่
ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกมะพร้าวทั้งประเทศประ มาณ 1.24 ล้านไร่ ในจำนวนดังกล่าวพบพื้นที่ที่มีการระบาดของหนอนหัวดำ 78,954 ไร่ ครอบคลุม 29 จังหวัด แต่ที่พบการระบาดรุนแรงมากที่สุดใน 5 จังหวัด ได้แก่ ประจวบ คีรีขันธ์ 62,410 ไร่ พบการระบาดของหนอนหัวดำทุกอำเภอ และสุราษฎร์ธานี 5,536 ไร่ ชลบุรี 4,024 ไร่ สมุทรสาคร 2,669 ไร่ และแปดริ้ว 953 ไร่ ซึ่งการรุกระบาดของแมลงหนอนหัวดำในพื้นที่ 78,954 ไร่ ในปีนี้ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมมะพร้าวกว่า 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์ เสียหายกว่า 4 พันล้านบาท และพื้นที่อื่นๆ ใน 28 จังหวัดอีกกว่า 5 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในการแก้ปัญหาในระยะแรก กรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตร จะร่วมกันดำเนินการป้องกันและกำจัดหนอนหัวดำในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และสุราษฎร์ธานีก่อน เนื่องจากที่ผ่านมาพบ 2 ปัญหาสำคัญที่ทำให้ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการจัดการกับหนอนหัวดำในสวนมะพร้าวในบางพื้นที่ได้ โดยปัญหาแรกมาจากการที่เกษตรกรเจ้าของสวนบางรายไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ใช้สารเคมีตามหลักวิชาการเพื่อกำจัดหนอนหัวดำ และอีกปัญหาหนึ่งคือ เจ้าของสวนไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ปล่อยให้สวนทิ้งร้าง กลายเป็นแหล่งอาศัยและเพาะพันธุ์ของหนอนหัวดำ
การดำเนินการกำจัดหนอนหัวดำในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งมีการระบาดของหนอนหัวดำที่อยู่ในระดับรุนแรง ต้องใช้วิธีพ่นสารทางใบสำหรับต้นมะพร้าวที่มีความสูงน้อยกว่า 12 เมตร โดยใช้สารเคมีชนิดใดชนิดหนึ่งตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร ได้แก่ ฟลูเบนไดเอไมด์ และครอแรนทรานิลิโพรล และวิธีที่สองสำหรับมะพร้าวที่มีความสูงมากกว่า 12 เมตร ใช้สารอีมาเม็กติน เบนโซเอต ฉีดเข้าต้น เพราะเชื่อมั่นว่าสามารถตัดวงจรชีวิตหนอนหัวดำได้ผลดีที่สุด
การใช้สารดังกล่าว เกษตรกรและผู้บริโภคไม่ต้องกังวลว่าจะมีการตกพิษค้างในมะพร้าว เนื่องจากกรมวิชาการเกษตรมีผลการทดลองการศึกษาพิษตกค้างตามมาตรฐานสากล CODEX ยืนยันแล้วว่าไม่พบสารตกค้างทั้งเนื้อและน้ำมะพร้าว เนื่องจากผลมะพร้าวมีเปลือกที่ประกอบด้วยเส้นใยที่หนา แข็งแรง อีกทั้งมีกะลาที่แข็ง ดังนั้นการใช้สารเคมีตามคำแนะนำทางวิชาการทั้งสองวิธีดังกล่าว ไม่มีโอกาสที่สารเคมีจะแทรกซึมเข้าไปในน้ำและเนื้อมะพร้าวอย่างแน่นอน
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ