นายกสมาคมธุรกิจก๊าซรถยนต์ไทย เผยรถยนต์แห่ถอดถังก๊าซเปลี่ยนมาใช้น้ำมันตลอด 2 ปีที่ผ่านมา หลังราคาน้ำมันยังทรงตัวระดับต่ำ โดยอู่ติดตั้งอุปกรณ์ก๊าซ LPG และ LNG หายไปจากระบบถึง 80% เร่งปรับตัวธุรกิจเรียนรู้อุปกรณ์รถ EV แทน ที่มาภาพประกอบ: สำนักข่าวไทย
Energy News Center รายงานเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2560 ว่านายสุรศักดิ์ นิตติวัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจก๊าซรถยนต์ไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์รถยนต์ติดตั้งก๊าซในประเทศไทยว่า ปัจจุบันรถยนต์ที่ติดตั้งก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) และก๊าซแอลพีจี (LPG) ลดลงอย่างต่อเนื่องตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาน้ำมันโลกยังทรงตัวระดับต่ำ โดยจำนวนรถยนต์ NGV ในปัจจุบันเหลือไม่ถึง 1 หมื่นคัน จากเดิมมี 1 แสนคัน ขณะที่รถยนต์ LPG เหลือประมาณ 8 แสนคัน จากเดิมที่มีมากกว่า 1 ล้านคัน
เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ประกอบการติดตั้งและจำหน่ายอุปกรณ์ถังก๊าซ NGV และ LPG ได้เลิกกิจการไปจำนวนมาก อาทิ ในส่วนของผู้ประกอบการ NGV หายไปจากระบบถึง 80% จากเดิมที่ขึ้นทะเบียนไว้กว่า 1,000 แห่ง ปัจจุบันเหลือเพียง 100 แห่ง ส่วนผู้จำหน่ายอุปกรณ์เหลือเพียง 3-5 ราย จากเดิมมีผู้ประกอบการนำเข้าอะไหล่อุปกรณ์กว่า 50-60 ราย
อย่างไรก็ตามเห็นว่า กลุ่มผู้ใช้รถยนต์ NGV ได้ปรับมาอยู่ในกลุ่มรถบรรทุกและรถโดยสารขนาดใหญ่ ดังนั้นผลกระทบต่อห่วงโซ่ธุรกิจ NGV จึงมีไม่มากเท่ากับกลุ่มรถ LPG ซึ่งมียอดติดตั้งลดลงมากอย่างเห็นได้ชัด โดยแต่ละเดือนมีผู้ไปแจ้งยกเลิกการใช้ LPG ในรถยนต์ถึง 800-1,500 คันต่อเดือน
ทั้งนี้ยอมรับว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปตามกลไกตลาด ซึ่งผู้ประกอบการอู่ติดตั้งถังก๊าซในรถยนต์ ก็เริ่มปรับตัวไปเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจติดตั้งอุปกรณ์รถยนต์ไฟฟ้า(EV) มากขึ้น เพื่อรองรับทิศทางรถยนต์ในอนาคต ขณะเดียวกันก็หันไปให้บริการรับซ่อมเครื่องยนต์ร่วมกับการติดตั้งถังก๊าซด้วยเพื่อรักษาระดับรายได้ธุรกิจไว้
นายสุรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในระยะสั้นราคาน้ำมันอาจจะปรับตัวสูงขึ้นจากความไม่สงบทางการเมืองต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นปัจจัยให้ประชาชนหันกลับมาใช้ก๊าซในรถยนต์มากขึ้น หลังจากยอดการติดตั้งถังก๊าซในรถยนต์ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อปี 2558 โดยขณะนี้ธุรกิจติดตั้งก๊าซยังอยู่ในภาวะทรงตัว และมีโอกาสที่จะกลับมาฟื้นตัวในอีก 3-5 ปีข้างหน้าหากราคาน้ำมันกลับมาสูงอีกครั้ง
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ