ช่วยค่ารถเกี่ยวข้าวไร่ละ 200 บาท ให้ชาวนา 5,363 ราย

กองบรรณาธิการ TCIJ 18 ต.ค. 2560 | อ่านแล้ว 9547 ครั้ง

ช่วยค่ารถเกี่ยวข้าวไร่ละ 200 บาท ให้ชาวนา 5,363 ราย

กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยช่วยเหลือค่ารถเกี่ยวข้าวไร่ละ 200 บาท รายละไม่เกิน 10 ไร่ ให้แก่ชาวนา5,363 ราย ที่เป็นสมาชิกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยใน 12 จังหวัดภาคอีสาน เริ่มปีการเพาะปลูก 2560/61 เดือน พ.ย.นี้ พร้อมชะลอระบายข้าวค้างสตอกหวั่นกระทบข้าวใหม่ ที่มาภาพประกอบ: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2560 ที่ผ่านมาว่านางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่ากระทรวงพาณิชย์ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยจัดทำ โครงการลดต้นทุนเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับคุณภาพข้าวส่งออกของเกษตรกร โดยสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยจะให้เงินช่วยเหลือค่ารถเกี่ยวนวดข้าวแก่ชาวนาที่เป็นสมาชิกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยไร่ละ 200 บาท รายละไม่เกิน 10 ไร่ ซึ่งมีชาวนาเข้ารับการช่วยเหลือทั้งสิ้น 5,363 ราย รวมพื้นที่เพาะปลูกกว่า 45,000 ไร่ ใน 12 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม ร้อยเอ็ด สุรินทร์ นครราชสีมา มหาสารคาม บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี กาฬสินธุ์ และศรีสะเกษ ที่เป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวคุณภาพดีที่สำคัญเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมเงินช่วยเหลือ 9,172,300 บาท โดยจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ของชาวนาแต่ละรายโดยตรง รวมทั้งปีนี้ยังร่วมกับกรมกิจการพลเรือนทหารบกเตรียมรถเกี่ยวข้าว 10 คัน ตามที่ได้รับมอบจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยในการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวปี 2560/2561 เดือนพฤศจิกายนนี้ด้วย

ขณะที่กรมการค้าภายในร่วมกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดตัวแอพพลิเคชั่นจองรถเกี่ยว เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนรถเกี่ยวข้าวในพื้นที่ที่มีปัญหาซ้ำซากแต่ละปี โดยจะนำร่องใช้ในจังหวัดอุบลราชธานี เปิดใช้วันที่ 18 - 19 ต.ค. 2560 นี้

สำหรับการส่งออกข้าวปี 2560 ข้าวไทยยังเป็นที่ต้องการของตลาดโลก โดยการส่งออกข้าวตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 11 ต.ค. ที่ผ่านมา มีปริมาณทั้งสิ้น 8.9 ล้านตัน มูลค่า 132,754 ล้านบาท หรือ 3,891 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 และมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.41 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น ข้าวขาว 3.91 ล้านตัน (ร้อยละ 43.61) ข้าวนึ่ง 2.65 ล้านตัน (ร้อยละ 29.59) และข้าวหอมมะลิ 1.68 ล้านตัน (ร้อยละ 18.73) และปีนี้คาดว่าจะส่งออกได้ 11 ล้านตันตามเป้าหมายที่คาดไว้ ส่วนการระบายสตอกข้าวค้างเก่าของรัฐที่เหลือกว่า 2 ล้านตันนั้น กระทรวงพาณิชย์ขอชะลอการระบายข้าวในช่วงที่ข้าวใหม่กำลังออกสู่ตลาดในช่วงปลายปีไปก่อน เพื่อไม่ให้กระทบข้าวใหม่ที่จะออกตลาด แต่หากช่วงใดเหมาะสมจะประกาศระบายข้าวสตอกรัฐกันต่อไป

นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่าขณะนี้การส่งออกข้าวจนถึงวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมาสามารถส่งออกได้แล้วกว่า 8 ล้านตัน หาก 3 เดือนสุดท้ายสามารถส่งออกเฉลี่ยประมาณ 900,000 ตันต่อเดือน ทำให้ปีนี้ประเทศไทยสามารถส่งออกข้าวได้ถึง 10.8 ล้านตัน นับว่าใกล้เคียงกับเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ต้องการผลักดันให้ส่งออกข้าวได้ถึง 11 ล้านตัน ขณะที่ราคาข้าวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยขณะนี้ข้าวหอมมะลิราคาตันละ 750-800 เหรียญสหรัฐ ข้าวนึ่ง 5 เปอร์เซ็นต์ ตันละ 385 เหรียญสหรัฐ และข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ ตันละ 375 เหรียญสหรัฐ ส่วนราคาข้าวเปลือกในประเทศเฉลี่ยตันละ 7,500 - 8,000 บาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 6,000 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นราคาที่ไทยสามารถแข่งขันได้ในสภาวะตลาดที่หลายประเทศมีความต้องการซื้อข้าวในปริมาณมาก เพื่อเก็บไว้ใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

ทั้งนี้ ผลกระทบจากอุทกภัยที่ผ่านมาแม้นาข้าวบางส่วนจะเสียหาย แต่จากปริมาณน้ำฝนที่ตกในปริมาณมากสม่ำเสมอตลอดทั้งปี เชื่อว่าจะส่งผลให้ผลผลิตข้าวปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ซึ่งไม่มีปัญหาในการทำการตลาดโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ เพราะตลาดมีความต้องการสูง อย่างไรก็ตาม ช่วงต้นเดือน พ.ย. สมาคมฯ จะลงพื้นที่สำรวจปริมาณผลผลิตข้าวที่ชัดเจน เพื่อวางแผนทำการตลาดต่อไป

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: