ประธานและกรรมการสหภาพแรงงานลินฟอกซ์ทรานสปอร์ตถูกนายจ้างสั่งไม่ให้เข้าโรงงาน หลังคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์สั่งให้นายจ้างเรียกกลับเข้าทำงานแล้ว ที่มาภาพ: สำนักข่าวประชาไท

นายสมชาย ฮูวารี พนักงานขับรถเทรลเลอร์ 18 ล้อของบริษัท ลินฟ้อกซ์ทรานสปอร์ต จำกัด สาขาวังน้อย จ.อยุธยา และเพื่อนพนักงาน ผู้ร่วมก่อตั้งสหภาพแรงงานลินฟอกซ์ทรานสปอร์ตเมื่อเดือน ส.ค. 2557 และยื่นข้อเรียกร้องเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างต่อบริษัทในเดือน ก.ย.นับจากนั้นเป็นต้นมาก็ถูกนายจ้างกระทำการตอบโต้ด้วยวิธีการต่าง ๆ 3-4 ครั้ง ล่าสุดถูกเลิกจ้าง แต่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์มีคำสั่งให้นายจ้างเรียกกลับเข้าทำงาน ทว่าเมื่อกลับไปก็ถูกจ้างให้อยู่ข้างนอกโรงงาน พร้อมกับเพื่อนพนักงานอีก 1 คนด้วยค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาท

เรื่องราวการต่อสู้ระหว่างสภาพแรงงานกับนายจ้างลินฟ้อกซ์ทรานสปอร์ต บริษัทขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก ได้ดำเนินการมาเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว และยังคงดำเนินต่อไปเนื่องจากคดีความยังอยู่ที่ศาลแรงงาน ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่สองที่นายจ้างบริษัทลินฟ้อกซ์ฯ พยายามไม่ให้สภาพแรงงานก่อตัวขึ้นไม่ว่าสาขาใด ก่อนหน้านี้ได้เกิดขึ้น ณ สาขาลำลูกกา จ.ปทุมธานี ที่ลูกจ้างพยายามจัดตั้งสหภาพแรงงานและยื่นข้อเรียกร้องเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างให้ดีขึ้น โดยสมาชิกได้นัดหยุดงานชุมนุมประท้วงการเลิกจ้างแกนนำช่วงระหว่างการยื่นข้อเรียกร้องเมื่อต้นปี 2556 แต่ลูกจ้างไม่ประสบความสำเร็จในการต่อสู้ ทั้งยังถูกเลิกจ้างอีกราว 50 คน

และคราวนี้เป็นกรณีของนายสมชายและเพื่อน ซึ่งเป็นแกนนำยื่นข้อเรียกร้องพร้อมรายชื่อสมาชิกราว 100 คน ร่วมกันยื่นข้อเรียกร้องขอให้นายจ้างขึ้นเงินประจำปี ค่าครองชีพ โบนัสและเปลี่ยนแปลงอัตราน้ำมันเพื่อไม่ให้ลูกจ้างกดดันในการขับรถประหยัดน้ำมันให้ได้ตามเป้า แต่นายจ้างไม่ยอมเจรจา ทั้งกดดันลูกจ้างถอนข้อเรียกร้อง และหยุดจ่ายงานนายสมชายและเพื่อนในเดือนพฤศจิกายน 2558 สมชายและเพื่อนจึงร้องเรียนคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ซึ่งได้มีคำสั่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ให้นายจ้างจ่ายงานตามปกติ

ทว่าไม่นาน ในเดือนเมษายน 2559 นายจ้างยุติการจ้างงานนายสมชายและเพื่อน ข้อหาขาดงานและละทิ้งหน้าที่ ประพฤติตนไม่เหมาะสม พวกเขาจึงเข้าร้องเรียนคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์อีกครั้ง ซึ่งก็ได้มีคำสั่งให้นายจ้างเรียกกลับเข้าทำงานเพราะถือเป็นการเลือกปฏิบัติ

เมื่อกลับเข้าทำงาน นายจ้างสั่งห้ามนายสมชายและเพื่อนเข้าโรงงาน จึงทำได้เพียงตอกบัตรเข้า-ออกงานตามเวลา

การที่นายจ้างอ้างว่า ลูกจ้างขาดงานและละทิ้งหน้าที่ ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย ในความเป็นจริงแล้ว นายจ้างเป็นผู้สร้างความเสียหายให้แก่ตัวเอง คือ ไม่สามารถทำกำไรจากการจ้างงานพวกเขา ทั้งยังสูญเสียเงินและเวลาไปกับการจ้างทนายความสู้คดี เพียงเพื่อไม่ต้องการให้ลูกจ้างมีอำนาจต่อรองขอปรับปรุงสภาพการจ้างให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างมาตรฐานการจ้างงาน แล้วทำไมนายจ้างจึงปฏิเสธข้อเสนอการปรับปรุงสภาพการจ้าง การสร้างความขัดแย้งเป็นเพราะมุ่งเอาชนะคนงานโดยไม่สนใจกฎหมายหรือไม่? สมชาย ฮูวัยรี ประธานสหภาพแรงงานลินฟอกซ์ทรานสปอร์ต ผู้ให้ข้อมูลกล่าว