โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุรัฐบาลเร่งรัดให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงแก้ไขกล้อง CCTV ให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หากพบเกิดเหตุกล้องใช้งานไม่ได้ หัวหน้าหน่วยงานต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ระบุไทยมี CCTV จำนวน 321,000 กว่ากล้อง อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการซ่อมแซมกล้องที่ชำรุดเสียหาย 30,000 กว่ากล้อง จำเป็นจะต้องติดตั้งเพิ่มอีก 47,000 กว่ากล้อง ที่มาภาพประกอบ: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2560 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรีสอบถามเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้รายงานว่า ได้มีการประชุมคณะกรรมการที่ว่าด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV) ซึ่งจากกรณีที่เกิดเหตุการณ์ระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าทำให้พบว่า ยังมีกล้อง CCTV ในบางพื้นที่ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกล้องที่จะต้องจับภาพเหตุการณ์ ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นต้องทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้จากผลการประชุมคณะกรรมการดังกล่าวพบว่า ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีกล้อง CCTV จำนวนประมาณ 321,000 กว่ากล้อง ซึ่ง ณ ปัจจุบันยังมีกล้องที่ชำรุดหรือเสียหายอยู่ จำนวนประมาณ 30,000 กว่ากล้อง ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบกล้องเหล่านั้นต้องเร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขโดยเร็วภายใน 3 เดือน โดยให้พิจารณางบประมาณที่หน่วยงานราชการตนเองมีอยู่ให้เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่หากงบประมาณไม่เพียงพอจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุน ให้รายงานเข้ามาเพื่อจะพิจารณาว่ามีงบประมาณในส่วนใดที่สามารถนำมาสนับสนุนในการแก้ไขปัญหาตรงนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีกล้อง CCTV จำนวน 321,000 กว่ากล้อง และอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการซ่อมแซมกล้องที่ชำรุดเสียหาย จำนวน 30,000 กว่ากล้องนั้น ยังมีกล้อง CCTV ที่จำเป็นจะต้องติดตั้งเพิ่มอีก จำนวน 47,000 กว่ากล้อง เพื่อรองรับอีกหลายพื้นที่ซึ่งกล้อง CCTV ที่มีอยู่เดิมไม่สามารถดำเนินการได้ครอบคลุมพื้นที่ จึงขอให้เร่งรัดดำเนินการโดยพิจารณางบประมาณที่หน่วยราชการตนเองมีอยู่ก่อนเป็นหลัก หากไม่เพียงพอจึงร้องขอมาภายหลัง ทั้งนี้ การทำงานของกล้อง CCTV ต่าง ๆ ทั้งหมดจะต้องมีการเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงมหาดไทย กอ.รมน. หน่วยงานด้านความมั่นคง ตลอดจนพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อบูรณาการข้อมูลร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพและสามารถนำข้อมูลไปใช้ในการป้องกันแก้ไขและติดตามเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
ทั้งนี้หากกล้อง CCTV ใด เมื่อพ้น 3 เดือนไปแล้ว มีเหตุเกิดขึ้นแต่ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ หัวหน้าหน่วยงานนั้นต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ