คนไข้ประกันสังคมโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์ระยะสุดท้าย (ระยะที่ 3) ระบุประกันสังคมให้ยารักษาแค่คนที่เป็นระยะแรก แต่ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ไม่ให้เบิกยา เรียกร้องให้ประสังคมแก้ไขกฏระเบียบ ให้ผู้ป่วยสามารถเบิกยาได้ทุกตัวแม้ว่าจะเป็นระยะไหนก็ตาม ชี้แม้แต่โอกาสรอด 1% มันก็คือชีวิต และผู้ประกันตนก็ต้องเสียเงินสมทบมาตลอด ที่มาภาพ: change.org
24 ส.ค. 2560 มีการรณรงค์เรื่อง คนไข้ประกันสังคม วอนขอชีวิต หลังพบเป็นมะเร็งเม็ดเลือดระยะที่ 3 ในเว็บไซต์ change.org โดยคุณฐิชารัศม์ มณีศรีธนนท์ ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ชนิดเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์และโรคได้ลุกลามมาเป็นระยะสุดท้ายคือระยะที่ 3 โดยในการณรงค์ระบุว่าประกันสังคมให้ยารักษาแค่คนที่เป็นระยะแรก แต่ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ไม่ให้เบิกยา เรียกร้องให้ประสังคมแก้ไขกฏระเบียบ ให้ผู้ป่วยสามารถเบิกยาได้ทุกตัวแม้ว่าจะเป็นระยะไหนก็ตาม ชี้แม้แต่โอกาสรอด 1% มันก็คือชีวิต และผู้ประกันตนก็ต้องเสียเงินสมทบมาตลอด
โดยรายละเอียดทั้งหมดของการรณรงค์มีดังนี้
คนไข้ประกันสังคม วอนขอชีวิต หลังพบเป็นมะเร็งเม็ดเลือดระยะ 3 (CML)
สวัสดีค่ะดิฉันชื่อ นางสาว ฐิชารัศม์ มณีศรีธนนท์ ได้ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ชนิดเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์และโรคได้ลุกลามมาเป็นระยะสุดท้ายคือระยะที่ 3 แต่โรคนี้จริงๆ แล้วมียาที่สามารถรักษาโรคนี้ถึง 3 ชนิดด้วยกันแต่ปรากฏว่าประกันสังคมสามารถอนุมัติให้เฉพาะคนที่เป็นระยะแรกเท่านั้น
ดังนั้นก็หมายถึงว่าแม้แต่มียาที่ดีที่สามารถรักษาได้แต่ดิฉันก็ไม่มีปัญญาได้ใช้มันเพราะประกันสังคมได้ตั้งกฏที่ตลกมากคือให้ยารักษาคนที่เป็นระยะแรก แต่ระยะที่ 2 และ ระยะที่ 3 ไม่ให้เบิกยา
อยากทราบว่าประกันสังคมจะปล่อยให้ผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบมาเป็นเวลาสิบๆ ปีตาย เพราะไม่ได้รับการรักษาหรืออย่างไร ดิฉันเข้าใจดีว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฏแต่กฏที่ตั้งมาให้รักษาระยะแรกได้แต่ระยะอื่นจะปล่อยให้ตายอย่างนั้น เหรอคะ
ตั้งมาได้อย่างไรกัน ดิฉันเขียนเรียกร้องในครั้งนี้เพื่อตัวดิฉันเองและเพื่อนๆ ที่เป็นโรคเดียวกันอีกหลายคน หากวันหนึ่งโรคกำเริบเป็นระยะที่ 2 หรือ ระยะที่ 3 คุณจะปล่อยให้ตายไปเลยหรือไงทั้งๆ ที่ยาที่รักษานั้นสามารถรักษาได้ผลดี มากๆ
ยาตัวนี้ตกเม็ดละประมาณ 1,000-1,200 บาท ซึ่งผู้ป่วยต้องใช้ยาตามปรึมาณที่แตกต่างกัน อาจต้องกินวันละ 4-6 เม็ด รวมค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 7,200 บาท/วัน หรือ 200,000 บาท/เดือน
ดิฉันและเพื่อนๆ ผู้ป่วยทุกคนขอวิงวอน ขอแรงจากโลกออนไลน์ทุกท่านช่วยสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการแก้ไขกฏระเบียบตรงนี้เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเบิกยาได้ทุกตัวแม้ว่าจะเป็นระยะไหนก็ตาม เพราะดิฉันคิดว่าแม้แต่ 1 เปอร์เซ็นต์รอดของชีวิตดิฉัน มันก็คือชีวิต
ดิฉันขอเรียกร้องชีวิต ขอความเมตตาให้ดิฉันได้มีชีวิตและได้รับยารักษาชีวิต เหตุผลก็เพราะว่าดิฉันได้ส่งเงินสมทบมาตั้งแต่ปีที่เริ่มทำงานปี พศ. 2548 จนถึงปัจจุบันปี พศ.2560 เป็นเวลา เกือบ 12 ปี เมื่อยามเจ็บป่วยก็ควรได้รับสิทธิ์การรักษาที่ดีจากสำนักงานที่เรียกว่าแห่งชาติ
(วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2560 ได้ดูรายการเดินหน้าประเทศไทย ท่านเลขาธิการ สำนักงานประกันสังคม ได้พูดไว้ ว่าจะดูแล เพิ่มสิทธิ ประโยชน์ และจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่ ตอนนี้ ดิฉันซึ่งเป็นผู้ประกันตน กำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง)
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ