ตลาดขนส่งสินค้า e-Commerce มีมูลค่ารวมถึง 27,200 ล้านบาท

กองบรรณาธิการ TCIJ 26 ก.ย. 2560 | อ่านแล้ว 3651 ครั้ง

ตลาดขนส่งสินค้า e-Commerce มีมูลค่ารวมถึง 27,200 ล้านบาท

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ยังครองแชมป์ส่วนแบ่งการตลาดไปรษณีย์ภัณฑ์และรับส่งสินค้ากว่า e-Commerce ร้อยละ 55 รวมมูลค่า 10,687 ล้านบาท จากมูลค่ารวมทั้งหมดกว่า 27,200 ล้านบาท โดยเฉพาะพื้นที่ต่างจังหวัด พร้อมเร่งพัฒนาแพลตฟอร์ม 'ดิจิทัลชุมชน' ที่มาภาพประกอบ: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ รายงานเมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2560 ที่ผ่านมาว่านายพิษณุ วานิชผล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีแรก บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ยังครองแชมป์ส่วนแบ่งการตลาดไปรษณีย์ภัณฑ์และรับส่งสินค้าจากตลาดขนส่งสินค้า e-Commerce กว่าร้อยละ 55 หรือประมาณ 10,687 ล้านบาท จากมูลค่ารวมทั้งหมดกว่า 27,200 ล้านบาท จากการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทย มั่นใจครึ่งปีหลังรายได้เติบโตเกินเป้าหมาย 26,000 ล้านบาท โดยพื้นที่ต่างจังหวัดถือส่วนแบ่งการตลาดมากกว่าร้อยละ 70 ส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอยู่ที่ประมาณร้อยละ 40 จากนี้ไปรษณีย์ไทยยังคงเร่งพัฒนาการบริการและประยุกต์ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ต่อเนื่อง ขณะนี้กำลังเร่งพัฒนาแพลตฟอร์ม “ดิจิทัลชุมชน” ส่งเสริมผู้ประกอบการชุมชนและสินค้าโอทอปให้มีพื้นที่กระจายตลาดสู่โลกออนไลน์และให้คนไทยสามารถเข้าถึงสินค้าชุมชนที่มีคุณภาพ ซึ่งระบบแพลตฟอร์มดังกล่าวสำเร็จแล้วกว่าร้อยละ 70 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าจะแล้วเสร็จสิ้นปีนี้

ทั้งนี้พฤติกรรมการส่งสินค้าของลูกค้าที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว ทำให้ไปรษณีย์ไทยเพิ่มบริการต่างๆรองรับทุกความต้องการของผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซและนำระบบไอทีเข้ามาช่วยพัฒนาบริการให้มีประสิทธิภาพตอบทุกโจทย์การส่งของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เช่น ระบบ Prompt Post ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าทำการจ่าหน้าและสร้างบาร์โค้ดการฝากส่งจากระบบอัตโนมัติด้วยตนเอง และบริการพร้อมส่ง (กล่องสีฟ้า) ในราคาเหมาจ่ายทั่วประเทศที่ช่วยประหยัดเวลา ส่งได้ไม่ต้องรอคิว ด้วยช่องบริการพิเศษ (Fast Track) ณ ที่ทำการไปรษณีย์ 47 แห่ง ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขณะที่ นายรัฐศาสตาร์ กรสูตร รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) กล่าวว่า ภาพรวมตัวเลขธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยอยู่ที่ประมาณ 2.5 ล้านล้านบาท โดยพฤติกรรมผู้บริโภคของคนไทยปัจจุบันมีอัตราการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์อยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับการซื้อของออฟไลน์ ส่วนต่างประเทศเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 8.2 คาดการณ์ว่า อัตราการเลือกซื้อของออนไลน์กับอีคอมเมิร์ซของไทยจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 8.2 เทียบเท่าระดับสากลภายในปี 2565 ดังนั้น ภาครัฐและเอกชนต้องพิจารณาแนวทางการส่งเสริมและผลักดันให้คนไทยหันมาซื้อของออนไลน์กับระบบอีคอมเมิร์ซมากขึ้น จากการสำรวจพบว่าสินค้าประเภทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ถือเป็นสินค้า 2 อันดับแรกที่มีการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์มากที่สุด

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: