สถาบันวิเคราะห์นโยบายความขัดแย้ง (Institute for Policy Analysis of Conflict ) ในกรุงจาการ์ตาเผยรายงานเตือนสตรีอินโดนีเซียที่เคยทำงานหรือกำลังทำงานเป็นผู้ช่วยแม่บ้านในต่างแดนว่า มีความเสี่ยงที่จะถูกชักนำเข้าสู่ขบวนการรัฐอิสลาม (IS) หรือกลุ่มมุสลิมสุดโต่งอื่นๆ  เช่นกรณีสตรีชาวอินโดนีเซียสองคนที่ถูกจับกุมเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว หลังตำรวจพบแผนวางระเบิดทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงจาการ์ตา ซึ่งพบภายหลังว่าเคยทำงานเป็นแม่บ้านที่สิงคโปร์กับไต้หวัน

นักวิจัยสถาบันวิเคราะห์นโยบายความขัดแย้ง พบว่าแม่บ้านชาวอินโดนีเซียที่ทำงานในฮ่องกงราว 45 คน เข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมหลากหลายเพื่อสนับสนุน IS ตั้งแต่ช่วยออกค่าตั๋วเครื่องบินเดินทางไปซีเรีย ไปจนถึงแต่งงานกับนักรบที่รู้จักกันทางออนไลน์ การรู้ตัวผู้ช่วยแม่บ้าน 45 คนนี้ ทราบจากกิจกรรมทางสังคมออนไลน์ รายงานทางการ และการสัมภาษณ์โดยตรง

"การถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายหน้าไม่ใช่เป็นปัจจัยโดยตรงที่ทำให้แม่บ้านกลุ่มนี้กลายเป็นพวกหัวรุนแรง หากแต่มาจากสงครามในซีเรียที่ทำให้เกิดความเห็นใจในชะตาชีวิตของชาวมุสลิมสุหนี่ที่ตกเป็นเหยื่อของสงคราม" Nava Nuraniyah นักวิจัยสถาบันวิเคราะห์นโยบายความขัดแย้งกล่าว

ขณะที่ นาง Eni Lestari นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิผู้อพยพชาวอินโดนีเซียเผยว่า ขณะที่ภัยคุกคามจากพวกหัวรุนแรงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น แต่ตนเองไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับกลุ่มผู้สนับสนุนไอเอสในกลุ่มแม่บ้านอินโดนีเซียแต่อย่างใด และรู้สึกไม่ยุติธรรมที่ชุมชนแรงงานอินโดนีเซียจะมาถูกตราหน้าเช่นนี้

ที่มาข่าวและภาพประกอบ: TheEconomic Times, 26/7/2017