นายกรัฐมนตรี Najib Razak ของมาเลเซีย ประกาศแจกเงินข้าราชการและคนยากจน รวมถึงเล็งใช้มาตรการลดภาษี ในแผนงบประมาณรายจ่ายสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง เพื่อถึงความสนใจของประชาชนออกจากเรื้องอื้อฉาวทางการเงินกรณี 1MDB และเริ่มหาเสียงเพื่อจะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งต่อไป
Najib Razak เผยว่าแผนการใช้จ่ายในงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2561 จะผ่อนคลายความวิตกของชาวมาเลเซีย เกี่ยวกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น อันเนื่องมาจากการขึ้นภาษีผู้บริโภคในวงกว้าง รวมทั้งราคาที่พักอาศัยแพง และหนี้ครัวเรือนเติบโต โดยหลังจากเศรษฐกิจที่พึ่งพาการค้าและพลังงานของมาเลเซียดีขึ้น หลังจากได้รับผลกระทบหนักจากภาวะราคาน้ำมันตกต่ำ คาดว่าเศรษฐกิจประเทศจะขยายตัวระหว่าง 5.0 - 5.5 % ในปีหน้า
ที่ผ่านมารัฐบาลของ Najib Razak ต้องต่อสู้กับข้อกล่าวหาเงินจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐถูกปล้นไปจากกองทุนพัฒนาเศรษฐกิจมาเลเซียในระยะยาว จากโครงการ 1MDB ที่เขาเป็นผู้ก่อตั้ง และงบประมาณที่เปิดเผยครั้งใหม่เป็นหัวใจสำคัญ ที่เขาหวังว่าผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียง จะหนุนพรรครัฐบาล ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปที่จะต้องมีขึ้นภายในเดือนสิงหาคมปีหน้า
อย่างไรก็ตาม นอกจากเรื่องอื้อฉาวทางการเงินแล้ว Najib Razak ยังเผชิญกับการเติบโตของฝ่ายค้าน ที่นำโดยอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ที่เคยครองอำนาจในมาเลเซียนำนานกว่า 2 ทศวรรษ และเคยเป็นที่ปรึกษาของ Najib Razak ด้วย โดยในระหว่างการแถลงเปิดเผยแผนงบประมาณรายจ่ายมูลค่า 280,250 ล้านริงกิต (ราว 2,191,990 ล้านบาท) ต่อที่ประชุมรัฐสภาNajib Razak ซึ่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีคลังแสดงความมั่นใจว่า พรรครัฐบาลผสมจะชนะการเลือกตั้งทั่วไปปีหน้าอย่างท่วมท้น"
รายละเอียดการแจกแจงงบประมาณ รวมถึงการลดภาษีสำหรับกลุ่มคนชั้นกลาง โดยจะแจกเงินสดคนละ 1,500 ริงกิต (ราว 11,730 บาท) แก่ข้าราชการทุกคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมเชื้อสายมาเลย์ และเป็นฐานเสียงหลักของพรรคมลายูสามัคคีแห่งชาติ (UMNO) รวมทั้งแจกแก่เด็กเกิดใหม่และเกษตรกรทุกคน โดยก่อนจบคำแถลงของเขา กลุ่ม ส.ส.ฝ่ายค้านในรัฐสภาต่างพร้อมใจกันร้องตะโกนคำว่า kleptocracy! (โจราธิปไตย หรือการยักยองเงินหลวงเข้าเป็นเงินส่วนตัว)
ที่มาข่าวและภาพประกอบ: Bloomberg, 28/10/2017
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ