1 ต.ค. 2560 นี้ ผู้ที่ลงทะเบียนคนจนทั่วประเทศจะสามารถใช้บัตรคนจนได้ สามารถนำไปซื้อสินค้าที่ขายในร้นที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ได้ทุกชนิดไม่เว้นแม้กระทั่ง เหล้า บุหรี่ ที่มาภาพประกอบ: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ รายงานเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2560 ที่ผ่านมาว่า น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการประชารัฐสวัสดิการ การช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้กับผู้ลงทะเบียนคนจนไว้กับกระทรวงการคลัง 11.67 ล้านคน เพื่อนำไปลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน รวมเงินที่รัฐต้องจ่าย 41,940 ล้านบาท/ปี หรือเฉลี่ย 3,615 ล้านบาท/เดือน
โดยใช้งบกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ที่ครม.อนุมัติวงเงินไปแล้ว 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็น วงเงินรายเดือนเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเพื่อการศึกษา วัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านอื่นๆ ของกระทรวงพาณิชย์ สำหรับผู้มีรายได้มากกว่า 30,000-100,000 บาท/ปี ได้รับวงเงินผ่านบัตร 200 บาท/เดือน หรือ 2,400 บาท/ปี ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท/ปี ได้รับวงเงินผ่านบัตร 300 บาท/เดือน หรือ 3,600 บาท/ปี
และวงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม จากร้านค้ากระทรวงพลังงาน 45 บาท/คน/3เดือน และยังช่วยเหลือลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าโดยสารรถเมล์/รถไฟฟ้า 500 บาท/เดือน วงเงินค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาท/เดือน และวงเงินค่าโดยสารรถไฟ 500 บาท/เดือน และหากใช้ไม่หมด ไม่สามารถสะสมได้
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้ ผู้ที่ลงทะเบียนคนจนทั่วประเทศจะสามารถใช้บัตรคนจนได้ จากการลงทะเบียนประชาชนมาลงทะบียนคนจนจำนวนมาก มีคนถูกตัดสิทธิ 2.53 ล้านคน แต่ในจำนวน 11.67 ล้านคน ทั้งหมดคุณสมบัติตรงตามภาครัฐกำหนด ไม่ได้มีการตัดสิทธิ์ ด๊อกเตอร์ที่มาลงทะเบียนแต่อย่างใด เพราะคุณสมบัติตรงตามระเบียบคนจน มีรายได้ต่ำกว่าเส้นยากจน และวงเงินที่รัฐบาลช่วยเหลือผ่านบัตร สามารถนำไปซื้อสินค้าที่ขายในร้นที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ได้ทุกชนิด ไม่เว้นแม้กระทั่ง เหล้า บุหรี่ แต่รณรงค์ไม่ให้ขาย และสำหรับผู้ที่จะสามารถใช้บริการรถเมล์ รถไฟฟ้าฟรี ตามวงเงิน บัตรที่แจกจะเป็นบัตร 2 ชิบ หรือบัตรแมงมุมจะแจกคนจนที่ลงทะเบียนไว้ในเขตกรุงเทพฯ และอีก 6 จังหวัด คือ นนทบุรี ปทุมธานี อยุธยา สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม จำนวน 1.3 ล้านคน ของ จำนวน 11.67 ล้านคน
“วงเงินที่รัฐบาลให้แต่ละเดือนนี้ จะให้เพียงเดือนละครั้งใช้จนเต็มวงเงินแล้วต้องรอเดือนใหม่ ซึ่งเงินจะเข้ามาทุกวันที่ 1 ของเดือน ถ้าใช้ไม่หมดเงินจะถูกตัด สะสมไม่ได้ เช่น เดินทางโดยรถเมล์ จะใช้ได้ไม่จำกัดครั้ง เดินทางได้จนเงินในบัตรหมด ที่เหลือก็ต้องจ่ายเงินเอง โดยจากการหารือกับกระทรวงคมนาคม ก็ได้รับการยืนยันว่า รถเมล์ทั้งหมด จะติดตั้งเครื่องรับบัตรให้กับรถเมล์จำนวน 800 คันก่อนในระยะแรก ส่วนร้านค้าก็จะมีเครื่องรับบัตรติดตั้งด้วยเช่นกัน โดยจากนี้ไปแต่ละร้านที่คนมีรายได้น้อยจะเข้าไปใช้บัตรได้ กระทรวงพาณิชย์จะประกาศออกมา หรือมีสติ๊กเกอร์ติดที่หน้าร้าน ซึ่งการติดตั้งเครื่องจะพร้อมใช้งานได้ทันทีตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้”
น.ส.สุทธิรัตน์ กล่าวว่า การช่วยเหลือครั้งนี้ จะไม่รวมถึงการช่วยเหลือเรื่องค่าไฟฟ้า และน้ำประปา เพราะตอนนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบก็มีมาตรการช่วยเหลือสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยอยู่แล้ว จึงยังไม่นำมารวมกับบัตรที่จะแจกให้ครั้งนี้ ส่วนกรณีของผู้ที่มีรายได้น้อยจากต่างจังหวัด ใช้บัตรซื้อตั๋วรถบขส.เข้ามาในกรุงเทพฯ จะยังไม่สามารถใช้บัตรนี้กับรถเมล์ในกรุงเทพฯ ได้ เพราะระบบของบัตรจะไม่รองรับระบบตั๋วร่วมของกรุงเทพฯ ที่รัฐบาลกำลังทำให้ครอบคลุมรถเมล์ รถไฟฟ้า และเรือ
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เงินในบัตรหมด หากใครต้องการเติมเงินก็สามารถทำได้ ซึ่งตอนนี้กำลังดูรายละเอียดก่อน และหากใครทำบัตรหาย หากมาทำใหม่ต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมทำบัตร สำหรับบัตรที่มี 1 ชิป เสียค่าใช้จ่าย 50 บาท และบัตรที่มี 2 ชิป เสียค่าใช้จ่าย 100 บาท
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ