พบคนงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ Audi รุ่น Q5 SUVs ในเม็กซิโกที่ส่งไปขายในสหรัฐฯ คันละ 1.34 ล้านบาท ได้ค่าจ้างประมาณชั่วโมงละ 75.375 บาท การแช่แข็งค่าจ้างขั้นต่ำกำลังเป็นปัญหาในเม็กซิโก ที่มาภาพ: tecma.com
อีวาน ฟลอเรส พนักงานผลิตชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ยี่ห้อ Audi รุ่น Q5 SUVs จากโรงงานทางตอนกลางของประเทศเม็กซิโกที่จัดส่งไปยังบริษัท Audi ในสหรัฐอเมริกา หัวเราะขึ้นมาทันทีเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเขาจะสามารถซื้อรถราคา 40,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.4 ล้านบาท) ด้วยค่าจ้างชั่วโมงละ 2.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ (75.375 บาท) ได้หรือไม่
“สำหรับพวกเรานั้นมันเป็นแค่ความฝันที่จะซื้อรถคันนี้” ฟลอเรส พนักงานอายุ 40 ปีเลี้ยงลูกชาย 3 คนด้วยค่าจ้างราวสัปดาห์ละ 110 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 3,685 บาท)
ข้อเสนอของผู้ผลิตรถยนต์นับตั้งแต่ยุคเฮนรี่ ฟอร์ด คือคนงานจะต้องสามารถซื้อรถที่เขาผลิตได้ สำหรับในประเทศสหรัฐอเมริกาและในยุโรป การลงทุนของโรงงานผลิตรถยนต์มีนัยถึงการสร้างชุมชนคนชั้นกลางกับลูกจ้างที่มีความสุขกับการลาพักร้อน ซื้อรถซื้อบ้าน แม้แต่บ้านพักตากอากาศหลังเล็กและเรือได้
แต่ในเม็กซิโก ประเทศที่อุตสาหกรรมรถยนต์เจริญรุ่งเรือง ดำเนินธุรกิจภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ เช่น บริษัทรถยนต์ Audi ที่เปิดทำการผลิตในรัฐปวยบลา (Puebla) เมื่อปี 2016 แต่มีข้อแตกต่างคือ ชนชั้นแรงงานได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลน้อยมาก โดยได้รับการจัดหาห้องพักขนาดเล็ก เป็นห้องอพาร์ทเม้นท์ขนาด 500 ตารางฟุต (47 ตารางเมตร) ครอบครัวอยู่อย่างแออัด และต้องผ่อนชำระนับหลายสิบปี ทำให้คนงานหลายคนไม่สามารถซื้อรถมือสอง เพราะมีเงินเหลือเพียง 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อสัปดาห์หลังหักค่าผ่อนห้องและค่าอาหารแล้ว
คำถามคือทำไมอัตราเงินเดือนพนักงานในอุตสหกรรมรถยนต์ในเม็กซิโก แน่นิ่งจนถึงถดถอย เมื่อเทียบกับประเทศจีนที่ปรับสูงขึ้น ทั้ง ๆ ในข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ สัญญาว่าจะเพิ่มค่าจ้างให้คนงานชาวเม็กซิโก นักเจรจาในสหรัฐอเมริกาได้ยกคำถามนี้ในที่ประชุม NAFTA รอบ 3 ที่จัดขึ้นที่เมืองออตตาวา ประเทศแคนาดา
“มันเป็นเรื่องตลก เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของเม็กซิโก ให้ความสำคัญกับประเด็นปัญหาค่าจ้างราคาถูกในเม็กซิโก ทั้งกล่าวว่า คนงานเม็กซิกันจะต้องได้รับการคุ้มครองยิ่งขึ้น” เอดัวร์โด บาดิลโล คนงานบริษัท Audi วัย 34 ปีกล่าว
“มันเป็นการเสแสร้ง เขามักวิพากษ์วิจารณ์เม็กซิโก แต่ในขณะเดียวกันก็บอกว่าจะทำประโยชน์ให้พวกเรา โดยเปิดประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น” บาดิลโล กล่าวต่อ
ประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ของเม็กซิโก คือ “สัญญาคุ้มครอง” คนงานบริษัท Audi ในปัจจุบันมีจำนวนน้อยมากที่เคยโหวตเลือกตั้งประธานสหภาพแรงงาน จากนั้นก็จะไม่มีโอกาสลงคะแนนเลือกตั้งอีกเป็นเวลาหลายปี
จากบันทึกของรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2014 (เกือบ 3 ปีก่อนนับจากวันที่ 30 ก.ย. 2016 วันเปิดโรงงาน Audi) บริษัทได้ลงนามในสัญญาสหภาพแรงงาน (union contract) ที่ได้กำหนดค่าจ้างไว้ที่ 1.4-4 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 46.9-134 บาท) ต่อชั่วโมง สหภาพแรงงาน Audi ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่เคยมีใครได้รับค่าจ้างต่ำสุด ส่วนใหญ่ได้รับที่ 2.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ
2 ปีต่อมาบริษัทเริ่มเปิดทำการผลิตและจ้างคนงานจำนวน 5,000 คน พวกเขาจึงตกอยู่ภายใต้สัญญาจ้างแรงงานฉบับก่อนหน้านี้ แต่ด้วยปัญหาการขาดแคลนงานที่ดีในเม็กซิโก ทำให้คนจำต้องสมัครงาน สัญญาจ้างแรงงานได้แช่แข็งการปรับค่าจ้างไว้ที่ 6% ต่อปี ซึ่งปรับช้ากว่าอัตราเงินเฟ้อ
“ทุกคนต่างรู้ว่าสภาพการจ้างงานเป็นอย่างไร ทั้งเรื่องค่าจ้างและสหภาพแรงงาน ถ้าคุณไม่ชอบ ก็มองหางานที่อื่นได้” อัลวาโร โลเปซ เวซควุเอซ ประธานสหภาพแรงงาน Audi กล่าว
นายโลเปซปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่า มีสมาขิกจำนวนกี่คนที่มีส่วนร่วมในการเลือกตั้งในปีที่เขาได้รับเลือกเป็นประธาน (ปี 2013) ขั้วตรงข้ามของนายโลเปซ ตอบว่า มีเพียง 20 กว่าคน นายโลเปซยังกล่าวว่าเขาไม่มีแผนที่จะจัดให้มีการเลือกตั้ง หรือหรือการประชุมใด ๆ ในตอนนี้จนกว่าจะถึงปี 2020
นายโลเปซกล่าวต่อว่า นี่แหละคือสหภาพแรงงานที่มีความเป็นประชาธิปไตย ที่สมาชิกจะลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในทุก 6 ปี
นายโลเปซกับบริษัท ให้สัมภาษณ์ว่านายจ้างจ่ายค่าจ้างมากกว่าค่าจ้างโดยเฉลี่ยในภาคการผลิตรถยนต์ และยังมีเงินรางวัลโบนัส เคารพสิทธิของสหภาพแรงงานด้วย
สำหรับโรงงานรถยนต์ Nissan ที่ตั้งอยู่ในรัฐอื่น จ่ายค่าจ้างระหว่าง 2.4-4.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 80.4-159.125 บาท) ต่อชั่วโมง แต่คนงานในอีกหลาย ๆ บริษัทยังได้รับเช็ค voucher สำหรับซื้อของอุปโภคบริโภค ยกเว้นคนงานบริษัท Audi ส่วนอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของเม็กซิโกคือ 50 เซ็นต์ต่อชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่แท้จริงคือ ทางเลือก จวน คาร์โมน่า อดีตคนงานผลิตรถยนต์ วัย 35 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า เขาถูกไล่ออกเพราะเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งผู้นำสหภาพแรงงาน แต่บริษัทไม่ยินยอม ซ้ำไม่อธิบายสาเหตุของการเลิกจ้าง
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ประเทศเม็กซิโกได้เปลี่ยนแปลงกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อเรียกร้องสหภาพแรงงานที่ร่วมลงนามในสัญญาจ้างแรงงาน แสดงตนให้เห็นว่าสหภาพแรงงานสนับสนุนสมาชิก ทว่าไม่มีการบังคับใช้กฎหมายหรือบังคับใช้น้อยมาก ส่วนกรมแรงงานก็ปฏิเสธที่จะให้ข้อคิดเห็นในเรื่องนี้
อเล็กซ์ โควารูเบียส ศาสตราจารย์สายแรงงานของวิทยาลัยโซโนราให้สัมภาษณ์ว่า สัญญา “คุ้มครอง” (แรงงาน) ที่ลงนามกันระหว่างนายจ้างกับสหภาพแรงงานอย่างแพร่หลายนั้น ผิดกฎหมาย นั่นคือ มันเป็นสัญญาคุ้มครองบริษัทที่คนงานไม่ตระหนักเลย
สหภาพแรงงานเม็กซิโกถูกวิพากษ์วิจารณ์มาเป็นเวลานานแล้วว่า ทำการควบคุมคนงานยิ่งกว่าเป็นตัวแทนของพวกเขา
ค่าจ้างที่ต่ำตลอดจนความใกล้ชิดกับตลาดในสหรัฐอเมริกา เป็นมาตรการดึงดูดผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ดัง อย่างเช่น Audi Kia Mazda Toyota และ BMW ให้มาลงทุนในเม็กซิโกในช่วง 2-3 ปีมานี้
นายโลเปซ ผู้นำสหภาพแรงงาน ให้ข้อสังเกตว่าแบรนด์อื่นจ่ายค่าจ้างน้อยกว่า Audi เมื่อเดือน มี.ค. 2016 BMW ได้เซ็นสัญญาจ้างแรงงานก่อนเปิดโรงงานที่นี่ โดยกำหนดว่า คนงานจะได้รับค่าจ้างอย่างน้อย 1 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงและสูงสุด 2.3 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 77.05 บาท)
BMW แถลงว่า “อัตราเงินเดือนของบริษัท มาจากค่าจ้างรายวันและสวัสดิการ สอดคล้องกับอัตราในภูมิภาคและตลาด”
ในสหรัฐอเมริกา รัฐบาลพยายามอย่างมากที่จะดึงดูดผู้ประกอบการ ด้วยการยื่นข้อเสนอเรื่องที่ดินโครงสร้างพื้นฐาน และการยกเว้นภาษี ส่วนในรัฐปวยบลา เม็กซิโกกำลังสร้างโมเดลเมืองใหม่ใกล้กับโรงงาน Audi แม้ว่าจะเป็นโครงการใหม่ แต่ห้องอพาร์ทเม้นท์ที่ยังว่างอยู่เป็นจำนวนมากมีราคาแพงสำหรับคนงาน
นายโลเปซ ยังบอกเป็นนัยว่า สหภาพแรงงานเป็นส่วนหนึ่งของโครงการดึงดูดผู้ประกอบการในรัฐปวยบลา “หากเราไม่มีสหภาพแรงงานและไม่ยอมรับสัญญาคุ้มครองนี้ บริษัท Audi ก็คงย้ายฐานการผลิตไปที่อื่นแล้ว”
“เรายึดหลัก win-win ทั้งคู่” ถ้าบริษัทดำเนินธุรกิจไปได้ด้วยดี ทุกคนก็อยู่กันได้” นายโลเปซกล่าว ส่วนระดับค่าจ้างที่ยังต่ำนั้น เพราะค่าครองชีพในเม็กซิโกต่ำ “เราไม่สามารถมีรายได้เทียบเท่าคนงานรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา ถ้าเช่นนั้นเราก็คงเป็นเศรษฐี”
บาดิลโล คนงานบริษัท Audi กล่าวว่าเขาพอใจกับค่าจ้างที่ได้รับแล้ว ซึ่งคือครึ่งหนึ่งของค่าจ้าง 34 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1,139 บาท) ต่อชั่วโมงในสหรัฐอเมริกา
บาดิลโลทำงานในโรงพ่นสี มีลูกชายชื่อ อเลจานโดร อายุ 13 ปี และมีลูกสาวชื่อ โนเอมี่ อายุ 11 ปี พักอยู่กับเขาในห้องอพาร์ทเม้นท์ที่เขาจะต้องผ่อนเป็นเวลาหลาย 10 ปี
เช่นเดียวกับพนักงานอีกหลายคน คือ เขาจบการศึกษาจากวิทยาลัย ระดับปริญญาตรีในสาขาอิเล็กทรอนิกส์ มีรายได้ 120 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 4,020 บาท) ต่อสัปดาห์ ภรรยาของบาดิลโลทำงานในห้างสรรพสินค้า มีรายได้น้อยกว่า เมื่อหักค่าห้อง ค่าสาธารณูปโภค และภาษีต่าง ๆ แล้ว จะมีเงินเหลือประมาณ 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1,675 บาท) ต่อสัปดาห์สำหรับค่าอาหาร ค่าสันทนาการและค่าการศึกษาลูก
บาดิลโลจึง ไม่สามารถซื้อรถได้ เขาใช้บริการรถบัสของบริษัท นั่งไปทำงาน 2 ชั่วโมงและกลับที่พัก 2 ช.ม. ลูกชายของเขาต้องการซื้อวิดีโอเกม Xbox ส่วนลูกสาวต้องการแท็บเล็ต แต่รู้ว่าพ่อไม่สามารถซื้อให้ได้
อัตราค่าจ้างต่ำมากกระทั่งแม้แต่บริษัทผลิตรถยนต์จากจีนที่จ่ายค่าจ้างโดยเฉลี่ยสูงถึง 3.6 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 120.6 บาท) เตรียมการจะตั้งโรงงานที่นี่ ซึ่งบาดิลโลกล่าวว่าจากปัญหาอัตราค่าจ้างที่ต่ำเรื้อรัง ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวกับประเทศนี้ซะแล้ว
“สิ่งที่เราไม่ต้องการเห็นจากนี้ไปคือเด็ก ๆ ประกอบโทรศัพท์มือถือ แต่ประเทศเรากำลังมุ่งไปทิศทางนั้น ผมไม่ต้องการเห็นเม็กซิโกเป็นแบบนั้น ผมต้องการเห็นความก้าวหน้าจริง ๆ”
*อนึ่งอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 30 ก.ย. 2560 ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ = 33.5 บาท
แปลและเรียบเรียงจาก
In Mexico, $2-per-hour workers make $40,000 SUVs (ctvnews.ca, 25/9/2017)
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ