มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเฟซบุ๊กให้สัมภาษณ์กับ Vox สื่อออนไลน์ในนครนิวยอร์คว่าเฟซบุ๊กถูกใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนโฆษณาชวนเชื่อเพื่อต่อต้านชาวโรฮิงญาในพม่า หลังได้รับแจ้งว่ามีข้อความในแง่ลบจำนวนมากแพร่กระจายผ่านทางแอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊กและแมสเซนเจอร์ เพื่อปลุกระดมความขัดแย้งระหว่างชาวพุทธและชาวมุสลิม ซึ่งทางเฟสบุ๊กได้จับตามองประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด

ซักเคอร์เบิร์ก เผยว่าเขาได้รับแจ้งว่าเฟซบุ๊กตรวจจับการส่งข้อความในแง่ลบทางแมสเซนเจอร์ เช่นในกรณีการส่งข้อความบอกชาวมุสลิมว่าเกิดเหตุลุกฮือของชาวพุทธเพราะฉะนั้นจงไปที่นั่นแล้วเอาอาวุธไปด้วย ซึ่งข้อความปลุกปั่นลักษณะนี้มีทั้งสองฝั่ง อย่างไรก็ตามหากเฟสบุ๊คตรวจจับได้ ระบบจะระงับการเผยแพร่ข้อความทั้งหมดเพื่อป้องกันความขัดแย้ง ซึ่งในแง่นี้เฟซบุ๊กต้องรับมือการจัดการความขัดแย้งในระดับโลกให้ดีกว่านี้ พร้อมย้ำว่าให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่าเฟซบุ๊กให้ความสำคัญกับทุกชุมชนทั่วโลกนอกเหนือจากสหรัฐอเมริกา

ขณะเดียวกันที่อินโดนีเซีย นาย Rudiantara รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารและข้อมูลของอินโดนีเซีย ประกาศขู่ว่าจะปิดเฟซบุ๊กในอินโดนีเซีย หากพบหลักฐานว่าข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตและหากเฟซบุ๊กไม่แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการเผยแพร่ข่าวปลอมในการเลือกตั้งอินโดนีเซียที่กำลังจะมีขึ้นเร็วๆ นี้ หลังกังวลว่าข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มีสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นของอินโดนีเซียอาจถูกนำไปใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลทั้งในและต่างประเทศในช่วงการเลือกตั้งอินโดนีเซีย โดยคำเตือนของรัฐบาลอินโดนีเซียนั้นครอบคลุมโซเชียลมีเดียและบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น ทวิตเตอร์และกูเกิลด้วย โดยสองรายนี้ได้ตกลงทำงานร่วมกับรัฐบาลในการช่วยตรวจสอบเนื้อหาแล้ว

ที่มาข่าวและภาพประกอบ: Channel News Asia, 3/4/2018