อยากจะเริ่มต้นเปิดด้วยแรงบัลดาลใจเท่ๆ ไล่ตามความฝัน แบบประหยัด เหมือนรีวิวการเดินทางเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของเพื่อนๆ ที่อ่านเจอพันทิปหรือสไลด์ผ่านในเฟสบุ๊ค แต่การเดินทางของผมในครั้งนี้ไม่รู้จะหาคำคุณศัพท์ไหนมาบรรยายให้น่าสนใจ มีแต่กริยาที่น่าสงสัย ของทั้งผมและจุดเริ่มการเดินทาง
กริยาที่น่าสงสัยนี้เกิดจากคือ โพสต์ข้างล่างนี้ ที่ฟีดขึ้นมาบนหน้าไทม์ไลน์ของผมจาก การแชร์ของเพื่อนๆ 2-3 คน
จากในคลิปคือการสัมภาษณ์ ‘อองซาน ซูจี’ หรือ ‘คุณแม่’ แห่งประเทศพม่า (ขอใช้พม่าไม่ใช้เมียนมาร์เพราะพิมพ์ลำบาก) ด้วยความสนใจส่วนตัวในประเทศพม่าอยู่แล้วเลยทำให้เข้าไปดูในคลิป แต่ผมก็ติดนิสัยชอบแวะอ่าน เลยเลื่อนมาอ่านคอมเมนต์ก่อนที่ทันจะดูคลิป และก็ได้ประหลาดใจกับคอมเมนต์เหล่านี้
“โห…ชาวไทยเรานี้พังค์ว่ะ” ความคิดของผมในขณะไล่อ่านคอมเม้น และด้วยความสงสัยผมว่าอะไรทำให้คอมเม้นดุเดือดขนาดนี้ เลยย้อนกลับไปอ่านคำบรรยายใต้คลิปวีดีโอ และคำบรรยายนี้
“อะไรคือ โล่แวนกาสวะ?” ความคิดแรกของผมที่พุ่งขึ้นมา และลองเอาไปเสิร์จดูเพื่อว่าจะมันจะเป็นรางวัลอะไรที่นางอองซาน ซูจี เคยรับมา แต่ปรากฏว่าสิ่งที่เจอคือ!
เมื่อคิดว่า ‘โล่แวนกาส’ (การ์ดแวนการ์ด) น่าจะไม่มีอะไร ผมเลยกลับไปสนในเนื้อหาที่เขียน ที่มีเนื้อหาดูรุนแรง อย่าง “ดังนั้นใครที่เห็นใจโรฮิงญา จงเอาพวกเขาไปอยู่ด้วย….โรฮิงญา ตัวเองคงเป็นได้แค่ไดโนเสาร์สายพันธุ์หนึ่งเท่านั้น” และคิดว่าคนที่เป็นถึงที่ปรึกษาประเทศไม่น่าจะพูดอะไรอย่างนั้น ผมเลยลองเปิดคลิปดูการสัมภาษณ์
พอดูจบยิ่งสงสัยหนักเข้าไปอีก ไม่เพียงแค่เพราะว่าคำพูดของนางอองซาน ซูจี ค่อนข้างเข้าข้างชาวพุทธหัวรุนแรงในพม่า อย่างเช่นคำที่ว่า “Fear from both side” “Violence from fear” (นึกไปถึงคำพูดของทรัมป์ที่พูดว่า “There are good people from both side” ตอนเหตุการณ์กราดยิงที่ Charlottesville) แม้เธอจะมีความพยามพูดสาเหตุอย่างคำพูดที่ว่า “new problem that link to old problem” และพยายามชี้ให้เห็นว่าความกลัวเหล่านั้นมาจากการอยู่ภายใต้รัฐบาลเผด็จการ
แต่เอ๊ะ! ที่ซูจีพูดมาไม่เห็นเหมือนกันในคำบรรยายที่ในโพสต์ลงชื่อไว้ชัดเจนว่าเธอพูด
เริ่มแห่มงๆสะแล้วแบบนี้??? ว่าแล้วผมก็เชิญดวงวิญญาณเจ้าพ่อขี้สงสัยอย่างเรเน่ เดส์คาร์ต และบวกกับความขี้สงสัยในสื่อที่โนม ซอมสกี ที่ได้มาจากการดูยูปทูปลิงค์นี้
ว่าแล้วผมก็สวมวิญญาณองค์เจ้าพ่อทั้งสอง และเริ่มค้นหาความจริง เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว! (เสียงโคนัน) ผมเริ่มต้นด้วยการหาว่าไอ้คลิปวีดีโอนี้มาจากไหน โดยการเสิร์จคำว่า “Auang San Interview 27 august 2018” แต่กลับไม่พบคลิปสัมภาษณ์นี้เลย ผมเลยลองใหม่โดยใช้คำว่า “Auang San Interview” และพบว่ามีหลากหลายคลิปที่โพล่ขึ้นมามากกว่าเดิม ผมไล่ดูเทียบกันไปเรื่อย ๆ เพื่อหาคลิปที่เหมือนกัน และก็เจอในหน้าที่สองของ google video เมื่อเปิดเข้าไปดูเลยเห็นว่าเป็นคลิปเดียวกันตามลิงค์นี้
แต่สิ่งที่ต่างกันคือ!
นี้มันตั้ง 5 ปีก่อน! พรรค NLD ของนางอองซานยังไม่ได้ทันได้รับเลือกตั้งเลยนี้หว่า! งั้นแสดงว่าโพสต์นั้นคือ Fake news (ทำมือจีบและเป็นเสียงทรัมป์) แน่นอน!
คำถามต่อมาคือ แล้วเขาจะทำไปทำไมวะ? และใครเป็นคนทำ?
เมื่อรู้แน่นอนแล้วว่าในคลิปนั้นเป็นของจริง ไม่ได้ใส่เสียงใหม่เข้าไป ผมจึงเริ่มมองผู้ต้องสงสัยที่สอง คือ คำบรรยายใต้คลิปที่มีชื่อนางอองซาน ซูจี กำกับอยู่ คราวนี้มีเจ้าพ่ออีกองค์หนึ่งชื่อ Van Dijk เจ้าพ่อผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ชื่อ Critical Discourse Analysis (ผมไม่ได้อ่านฉบับจริงแต่อ่านจากงานชื่อ ภาษากับอุดมการณ์: วาทกรรมนมแม่ในสังคมออนไลน์) เจ้าพ่อ Van Dijk บอกให้จับผิดวาทะกรรมเพื่อหาความคิดเบื้องหลัง ทำได้หลายวิธี แต่ที่ผมจำได้คือการดูคำวิเศษณ์ หรือการดูประโยคที่ใช้เปรียบเทียบต่างๆ
ผมเห็นว่าในมีคำวิเศษณ์และคำเปรียบเทียบในโพสต์ที่น่าสนใจอย่างเช่น “โรฮิงญา ตัวเองคงเป็นได้แค่ไดโนเสาร์สายพันธุ์หนึ่งเท่านั้น” ผมลองเอาคำนี้ไปเสิร์จต่อพบว่ามีเพจเกี่ยวกับศาสนาพุทธหลายเพจได้เผยแพร่ประโยคนี้ออกไปและคิดว่าน่าจะมาจากแหล่งเดี่ยวกัน
ผมพยายามหาแหล่งเดียวกันนี้ว่ามันมาจากไหนกันแน่ ผมได้ไปเจอเข้ากับ blog หนึ่งที่ใช้ชื่อว่า “บก. เงาลาย” ตามลิงค์นี้ (https://ngaolaimedia.blogspot.com/2018/08/blog-post_28.html) ภายใน blog ก็จะมีข่าวอื่นๆ มากมายที่เกิดขึ้นในประเทศพม่า แม้จะมีข้อความต่างกันอยู่บ้างแต่เนื้อหาถือว่าคล้ายกัน
ใครคือ บก.เงาลาย? ชื่อช่างน่าสงสัย ผมพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับ บก.เงาลาย โดยการเอาชื่อไปเสิร์จในเฟสบุ๊คและพบว่ามีเฟสบุ๊คชื่อ บก.เงาลาย หรือ @ngaolainews ตามในลิงค์ใต้นี้
https://www.facebook.com/ngaolainews/
จากการไล่อ่านคอมเมนต์ในหน้าเพจของ บก.เงาลายที่ได้โพสตอบลูกเพจและข่าวต่างๆที่เลือกมาเสนอใน blog ดูแล้วมีเนื้อหาต่อต้านรัฐบาลพม่า บวกกับชื่อเพจ เงาลาย ที่มักเป็นชื่อของชาวไทใหญ่ โดยชาวไทใหญ่ที่เป็นกลุ่มหลักกลุ่มหนึ่ง ในการต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า อย่าง Shan state army ในขณะเดียวกัน
ระหว่างนี้ผมก็ได้ inbox เข้าไปถามเพจของ บก.เงาลาย เพื่อที่จะถามว่าเขาเงาลายเป็นคนเขียนบทความนี้ขึ้นมาหรือเปล่า
ในระหว่างนี้รอคำถามของ บก.เงาลาย ในหัวของก็พยายามเชื่อมโยงว่า สื่อ บก.เงาลาย ที่เป็นชาวไทใหญ่จากรัฐฉานประเทศพม่า มาเกี่ยวอะไรกับพุทธศาสนาในไทย?
จากนั้นผมก็พยายามเชื่อมโยงเพื่อหาคำตอบ ความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัวคือข่าวพระจากประเทศพม่าที่ถูกจับในระหว่างการเดินทาง เพราะไม่มีเอกสาร พระเหล่านี้เป็นชาวพม่าที่เข้ามาบวชในไทย โดยข่าวแบบนี้ก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และจากงานวิจัยของ พระสภาวุฒิ อภิสิทธิ์ (2555) พระเกี่ยวพระจากประเทศพม่าที่เข้ามาอยู่ในไทยด้วยหลายเหตุผล แต่เหตุผลหนึ่งคือการขาดแคลนพระของประเทศไทย
เห้ย! ใช่เลย! ผมบอกกับตัวเอง ผมได้ข้อสรุปว่า การที่ศาสนาพุทธในไทยต่อต้านศาสนาอิสลามนั้นมาจากพระชาวพม่าที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย และพระชาวพม่านี้ได้การเกลียดอิสลามมาจาก เครือข่ายของพระวิราทุ หรือพระรูปที่นิตยสารไทม์ปี 2556 ว่าเป็น The Buddhist Terror!!
ในขณะที่ผมกำลังชื่นชมกับข้อสรุปของตัวเองและคิดว่า กูแม่งโคตรเทพ บก. เงาลายก็ตอบผมกลับมาว่า
ผ่าม!.... ผมพึ่งจะรู้สึกว่าตัวเองฉลาดไปได้ยังไม่ถึง 3 นาที ก็พบว่าผมโง่ทันที จากการสรุปด้วยหลักฐานอันน้อยนิด
แล้วถ้าไม่ใช่ บก.ชาวไทใหญ่ แล้วจะเป็นใครกันอีกที่จะเขียนข้อความแบบนี้ได้ ระหว่างที่คิดไปผมก็นำประโยคจากต่างๆพารากราฟใต้คลิปไปเสิร์จในกูเกิลอีกครั้ง และคราวนี้อกอริทึมของกูเกิ้ลพาผมมาเจอกับเพจ “วิจารณ์โลก” เพราะว่าในเพจนี้ก็มีข้อความที่คล้ายกันโพสต์อยู่ แต่ที่แตกต่างจากโพสต์ของ บก.เงาลายก็คือ..
ในโพสต์นี้มีเครดิต!
และนอกจากจะเป็นการแชร์ต่อมาจากเพจชาวพุทธโทเรี่ยนแล้ว คราวนี้มีชื่อคนเขียนข้อความนี้ (ขอใช้นามสมมติว่า ‘พี่ ก.ไก่’) หรือนี้จะเป็นคนที่เขียนข้อความนี้จริงๆ นะ ผมสงสัย และคนแบบไหนถึงจะเขียนข้อความแบบนี้ได้
ผมค้นหาต่อไปด้วยการเอาชื่อ พี่ ก.ไก่ ไปค้นและพบว่ามีเฟสบุ๊คของคนหนึ่งที่ใช้ชื่อเดียวกัน
หรือจะเป็นคนนี้ที่ผมตามหามานาน? ผมพยายามตามหาโพสต์ในไทม์ไลน์ของเขา แต่ก็ไม่พบ อาจจะเป็นเพราะตั้งค่าเป็น private หรืออาจจะเป็นเพราะไปโพสต์ไว้ในกลุ่มลับที่ผมไม่ได้เข้าร่วม แม้จะหาไม่พบแต่สิ่งที่เจอทำให้พอเดาได้ว่าเขาพี่ ก.ไก่ เข้าค่าย Islamophobia ที่ Wikipedia นิยามไว้ว่า กลัว, เกลียด, มีอคติ กับศาสนาอิสลามหรือมุสลิม
นอกจากโพสต์ที่โชว์ความเป็น ‘เรดิคัลพุทธโทเรี่ยน’ ของพี่ ก.ไก่ แล้วในการถูกใจเพจก็ยังบอกถึงจุดยืนได้อีกไม่น้อย
มาถึงตอนนี้ผมรู้สึกหลงทางสับสน อยากเดินเข้าป่าเหมือนเพลงดังได้บอกไว้ เพราะผมไม่สามารถหาที่มาของข้อความที่กลายไปเป็นบทสัมภาษณ์ของนางอองซานได้อย่างชัดเจน T_T
แต่สังเกตเห็นพัฒนาการของข้อความทั้งหลายที่ผ่านตาจากการท่องโลกออนไลน์ของผมครั้งนี้ ที่ความคิดเห็นได้แปลงกลายเป็นข่าวในฐานะ Hate Speech หนึ่งที่แพร่กระจายผ่านโลกโซเซียลอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งชาวพุทธโทเรี่ยนอย่างเราก็ยั้งที่กดนิ้วแชร์ไม่ทัน และเพจชุมชนคนพุทธศาสน์เป็นเพียงหนึ่งในเพจชาวพุทธมีการโพสต์เนื้อหาต่อชาวมุสลิมมากมาย ยังไม่รวมถึงกลุ่มสาธารณะต่างๆ
ผมไม่ได้ต้องการบอกว่าพี่ ก.ไก่ คือชาวพุทธโทเรี่ยนหัวรุนแรงเป็นคนผิดในนี้ แต่ต้องการจะถามว่าสังคมแบบไหนกันที่ให้กำเนิดชาว ‘เรดิคัลพุทธโทเรี่ยน’ ได้ขนาดนี้ หรือประเทศเราจะกำลังจะกลายเป็น Islamophobia ตามเทรนกระแสโลก?
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ