รมว.พลังงาน-ผู้ว่า กฟผ. ยังไม่ทราบกรณี สปป.ลาว ชะลอการก่อสร้างเขื่อนแห่งใหม่

กองบรรณาธิการ TCIJ 11 ส.ค. 2561 | อ่านแล้ว 1938 ครั้ง

รมว.พลังงาน-ผู้ว่า กฟผ. ยังไม่ทราบกรณี สปป.ลาว ชะลอการก่อสร้างเขื่อนแห่งใหม่

รัฐมนตรีพลังงานประสานเสียงผู้ว่าการ กฟผ. ยังไม่ทราบกรณี สปป.ลาว ชะลอการก่อสร้างเขื่อนแห่งใหม่ชั่วคราว โดยยืนยันยังยึดตามกรอบเอ็มโอยูซื้อขายไฟ 9,000 เมกะวัตต์ และมั่นใจว่าจะไม่มีกระทบต่อบริษัทไทยที่ไปลงทุนใน สปป.ลาว ในขณะที่แหล่งข่าวระบุหาก สปป.ลาว ชะลอการก่อสร้างจริงส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าของไทยที่ต้องปรับสูงขึ้นแน่แต่ฝั่ง สปป.ลาว ก็จะสูญเสียรายได้และโอกาสจากการลงทุนมหาศาลเช่นเดียวกัน ที่มาภาพประกอบ: Mekong Eye

Energy News Center รายงานเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2561 ว่านายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกระแสข่าวรัฐบาล สปป.ลาว จะชะลอการก่อสร้างเขื่อนแห่งใหม่เป็นการชั่วคราว ว่ายังไม่ได้รับรายงานในเรื่องนี้ โดยต้องรอให้ทาง สปป.ลาว แจ้งมายังฝ่ายไทยก่อน โดยไม่อยากให้ทุกฝ่ายกังวลมากเกินไปเพราะยังไม่ทราบข้อเท็จจริงและเชื่อว่าจะไม่กระทบบริษัทไทยที่ไปลงทุนใน สปป.ลาว ส่วนกรณีเขื่อนดินในโครงการเซเปียน-เซน้ำน้อยทรุดตัว นั้นเชื่อว่าจะไม่กระทบการจ่ายไฟฟ้ามายังประเทศไทย เพราะปัจจุบัน ไทยมีสำรองไฟฟ้าค่อนข้างสูง ทำให้มีไฟฟ้าเพียงพอที่จะป้อนเข้าสู่ระบบและไม่กระทบกับเศรษฐกิจ

ด้านนายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่าขณะนี้ กฟผ. ได้สอบถามไปยังผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าเซเปียน โดยเฉพาะบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ผู้ถือหุ้นในโครงการดังกล่าว ถึงความชัดเจนการจ่ายไฟฟ้าตามกำหนดเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในเดือน ก.พ. ปี 2562 ซึ่งทราบว่าทาง สปป.ลาว และโรงไฟฟ้าเซเปียน-เซน้ำน้อย ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว แต่ขอตรวจสอบระดับน้ำที่ไหลออกจากเขื่อนว่ามีผลต่อการผลิตไฟฟ้าหรือไม่ ส่วนกรณี ครม. สปป.ลาว มีมติหยุดการสร้างเขื่อนแห่งใหม่เพื่อผลิตไฟฟ้าเป็นการชั่วคราว จะกระทบข้อตกลงซื้อขายไฟฟ้า (MOU) ไทย-ลาว จำนวน 9,000 เมกะวัตต์ หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ทราบมติอย่างเป็นทางการ ต้องรอความชัดเจนจาก สปป.ลาว ก่อนจึงตอบไม่ได้ว่าจะมีการปรับแผนการผลิตไฟฟ้าอย่างไรแต่เบื้องต้นยังยึดตามสัญญาเดิม

ด้านแหล่งข่าวในวงการพลังงานกล่าวว่าหากสปป.ลาว ชะลอการก่อสร้างเขื่อนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจริง ในแง่ของความมั่นคงไฟฟ้าคงจะไม่มีผลกระทบเนื่องจากไทยยังมีปริมาณสำรองไฟฟ้าอยู่ในระดับสูง ที่ไม่จำเป็นจะต้องมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ไปจนถึงปี 2568 อย่างไรก็ตาม ไทยอาจจะได้รับผลกระทบในเรื่องของค่าไฟฟ้าที่จะต้องปรับเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำจาก สปป.ลาว มีต้นทุนที่ต่ำกว่าโรงไฟฟ้าที่สร้างใหม่ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ หรือพลังงานทดแทนอื่นๆ ในประเทศอยู่มาก ในขณะที่ทางสปป.ลาว ก็จะสูญเสียโอกาสในการลงทุนรวมทั้งรายได้จากการขายไฟฟ้าที่รัฐบาล สปป.ลาว จะได้รับตามสัดส่วนการร่วมลงทุนในแต่ละโครงการ รวมทั้งรายได้อื่นๆ จำนวนมหาศาล เช่นเดียวกัน

ปัจจุบันไทยและ สปป.ลาว มีการทำข้อตกลง MOU ที่ไทยจะซื้อขายไฟฟ้าจาก สปป.ลาว จำนวน 9,000 เมกะวัตต์ โดยมีสัญญาการซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ระหว่างกันรวมแล้ว 5,832 เมกะวัตต์ โดยเป็นโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จและจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ มายังประเทศไทยแล้ว 6 โครงการ รวมกำลังการผลิต 3,989 เมกะวัตต์ ได้แก่

1.โครงการเทิน-หินบุน จำนวน 220 เมกะวัตต์ เข้าระบบเดือนมี.ค. 2541 2.โครงการห้วยเฮาะ จำนวน 126 เมกะวัตต์ เข้าระบบเดือนก.ย. 2542 3.โครงการน้ำเทิน2 จำนวน 948 เมกะวัตต์ เข้าระบบเดือน เม.ย. 2553 4.โครงการน้ำงึม2 จำนวน 597 เมกะวัตต์ เข้าระบบเดือน มี.ค. 2554 5.โครงการเทิน-หินบุนส่วนขยาย จำนวน 220 เมกะวัตต์ เข้าระบบเดือน ธ.ค. 2555 และ 6.โครงการหงสาลิกไนต์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินลิกไนต์ 3 ยูนิต รวมจำนวน 1,878 เมกะวัตต์ เข้าระบบล่าสุดเดือนมี.ค. 2559

ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและจะผลิตไฟฟ้าขายให้ไทยในปี 2562 อีก 3 โครงการ รวมปริมาณไฟฟ้า 1,843 เมกะวัตต์ ได้แก่ 1.โครงการไซยบุรี จำนวน 1,220 เมกะวัตต์ 2.โครงการเซเปียน-เซน้ำน้อย 354 เมกะวัตต์ (มีปัญหาเขื่อนดินย่อยทรุดตัว) 3.โครงการน้ำเงี้ยบ1 จำนวน 269 เมกะวัตต์ และในปี 2565 จะมีโรงไฟฟ้าพลังน้ำโครงการน้ำเทิน 1 เข้าระบบอีก 520 เมกะวัตต์ ซึ่งหากโครงการดังกล่าวทั้งหมดเข้าระบบแล้ว จะทำให้ไทยรับซื้อไฟฟ้าพลังน้ำจาก สปป.ลาวรวม 6,352 เมกะวัตต์ จากกรอบความร่วมมือ 9,000 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่ยังมีศักยภาพที่อยู่ระหว่างการเจรจา เช่น โครงการปากเบ่ง กำลังการผลิต798 เมกะวัตต์ ส่วนโครงการที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ได้มีการเจรจากับฝ่ายไทย มีอีกจำนวนกว่า 1,905 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการ เซกอง4 กำลังการผลิต240 เมกะวัตต์ โครงการเซกอง5 กำลังการผลิต 330 เมกะวัตต์ โครงการน้ำกง1 กำลังการผลิต 75 เมกะวัตต์ และโครงการเซนาคาม กำลังการผลิต 660 เมกะวัตต์ รวมทั้งโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ที่เอกชนไทยเข้าไปเป็นผู้พัฒนาโครงการอีก 600 เมกะวัตต์

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: